เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน คณะรัฐมนตรีจีนได้ออกประกาศตั้งเขตเมืองใหม่สงอัน มณฑลเหอเป่ย ข่าวนี้ออกมาไม่กี่ชั่วโมงก็ได้รับการเผยแพร่ทางเน็ตอย่างกว้างขวาง
สำนักข่าวซินหวารายงานว่า การตั้งเขตเมืองใหม่สงอันนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจจีนในระยะยาว นับเป็น "ยุทธศาสตร์พันปี" และ "งานใหญ่ของชาติ" เขตเมืองใหม่สงอันจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษระดับชาติแห่งที่ 3 โดยเป็นคู่แข่งกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นที่ตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1980 และเขตเมืองใหม่ผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ ที่ตั้งเมื่อทศวรรษที่ 1990
เขตเมืองใหม่สงอันจะคลอบคลุมถึงอำเภอสงเซี่ยน อำเภอหรงเฉิง อำเภออันซิน และบริเวณรอบข้างส่วนหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางเขตสามเหลี่ยมซึ่งประกอบด้วยกรุงปักกิ่ง นครเทียนจิน และเมืองเป่าติ้ง มณฑลเหอเป่ย โดยแผนพัฒนาช่วงต้นจะมีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางกิโลเมตร ช่วงกลางจะขยายถึงประมาณ 200 ตารางกิโลเมตร และระยะยาวจะมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,000 ตารางกิโลเมตร
ปัจจุบัน เขตเศรษฐกิจพิเศษซินเจิ้นมีพื้นที่ทั้งหมด 1,900 ตารางกิโลเมตร และเขตเมืองใหม่ผู่ตงมีพื้นที่ 1,200 ตารางกิโลเมตร เมื่อเทียบกับเขตเศรษฐกิจพิเศษสองแห่งนี้ ในที่สุดเขตเมืองใหม่สงอันจะมีขนาดใหญ่กว่า และความได้เปรียบคือ ระดับการพัฒนาของเขตนี้ในปัจจุบันยังค่อนข้างต่ำ
สิ่งที่ต้องยอมรับคือ การตัดสินใจตั้งเขตเมืองใหม่ดังกล่าวได้ผ่านการวิจัยและสำรวจเป็นเวลานาน หลังจากจัดการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 18 เมื่อปี 2012 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีจีนได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมที่กรุงปักกิ่ง นครเทียนสิน และมณฑลเหอเป่ยหลายครั้ง เพื่อดูสภาพพื้นที่วิจัยและวางแผนการประสานการพัฒนาปักกิ่ง-เทียนสิน-เหอเป่ย โดยให้คำแนะนำอย่างชัดเจนว่า ต้องสร้างเขตเมืองใหม่ที่ทันสมัยในพื้นที่ที่เหมาะสมของมณฑลเหอเป่ย เพื่อแก้ปัญหาความแออัดของกรุงปักกิ่ง
หากนับตั้งแต่จัดการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 เป็นต้นมา การตัดสินใจจะตั้งเขตเมืองใหม่สงอันนั้น ได้ผ่านการสำรวจและวิจัยเป็นเวลากว่า 4 ปี ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกลางก็ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ต้องสร้างเมืองใหม่แห่งหนึ่งโดยเลือกเขตที่เหมาะสมในมณฑลเหอเป่ย เพื่อลดความแออัดของตัวเมืองปักกิ่ง เนื่องจากปัจจุบัน กรุงปักกิ่งรองรับประชากรมากเกินไปแล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของเมืองหลวง
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 2014 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนชี้ให้เห็นขณะตรวจเยี่ยมที่กรุงปักกิ่งว่า ต้องกำหนดฐานะทางยุทธศาสตร์ของกรุงปักกิ่งอย่างชัดเจน ยืนหยัดและเน้นภารกิจหลักของการเป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางการเมือง ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์วิเทศสัมพันธ์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของชาติ ส่วนภารกิจอื่นๆก็เป็นภารกิจที่ไม่สอดคล้องกับฐานะของกรุงปักกิ่ง
