ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาผมและคุณเยี่ยนจื่อ เพื่อนร่วมงานชาวจีนได้เดินทางไปหาเรื่องราวสนุก ๆ ที่นครเทียนจินมาเล่าให้คุณผู้ฟังในรายการครับ เราพูดกันถึงเรื่อง "บ้านเครื่องเคลือบ" สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับบุคคลผู้คลั้งไคล้ในศิลปะโบราณ 250 บาทที่เสียไป แลกกับการได้เห็นเศษเครื่องเคลือบอายุนับร้อย ๆ ปีประกอบกันเป็นภาพวิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวจีน ถือว่าคุ้มครับ
รายละเอียดของบ้านเครื่องเคลือบคุณผู้อ่านสามารถติดตามฟังและอ่านได้ผ่านทั้งรายการและบทความบนหน้าเว็บไซต์ซีอาร์ไอนะครับ สำหรับวันนี้ผมขอพูดเรื่องที่ทำให้ผมหลงใหลได้มากกว่าเมื่อมาเทียนจิน ไม่ใช่สถานที่ ไม่ใช่อาหาร ไม่ใช่ผู้คน แต่กลับเป็นแม่น้ำครับ
ย่างก้าวแรกหลังออกจากสถานีรถไฟเทียนจิน (ถ้าท่านไม่หลงไปประตูด้านหลัง) ก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของตึกสูงระฟ้าที่เบื้องหน้าโอบล้อมด้วยแม่น้ำสาย ๆ หนึ่ง ผมมาเทียนจินครั้งแรกเห็นจะเดือนมกราคมได้ ช่วงนั้นแน่นอนล่ะว่าอากาศหนาวอย่าบอกใคร ทุกอย่างเหนือผิวน้ำหยุดการเคลื่อนไหวให้ภาพสวยไปอีกแบบ แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ผมคงไม่สามารถเหมารวมแทนคนไทยทั้งหมดได้ว่าต้องชอบทิวทัศน์แนวนี้ แต่ด้วยความที่ชาวไทยเราโตมากับแม่น้ำ การได้เห็นสิ่งปลูกสร้างใกล้ ๆ ได้เห็นคนใช้ประโยชน์จากน้ำด้วยความรู้สึกหวงแหน คือสิ่งที่ผมรู้สึกว่าชาวไทยเราน่าจะมีความรู้สึกร่วมกันกับผม
แม่น้ำที่ว่านี่คือแม่น้ำไห่เหอครับ เป็น 1 ใน 7 แม่น้ำสายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และใหญ่ที่สุดสายหนึ่งของภาคเหนือ แม่น้ำไห่เหอประกอบด้วยแม่น้ำสายย่อย 5 สายคดเคี้ยวลัดเลาะผ่านตัวเองเทียนจิน และด้วยความที่สถาปนิกวิศวกรไม่อาจยกแม่น้ำไปวางทางอื่นได้ ผังเมือง ถนนหนทางต่าง ๆ ในตัวเมืองเทียนจินจึงถูกออกแบบเพื่อสอดรับกับแม่น้ำไห่เหอเป็นหลัก เราจะไม่ได้เห็นถนนเส้นใดที่มีความตรงไกลได้เท่าถนนฉางอานในปักกิ่ง แต่กลับจะได้เห็นสะพานนับร้อยแห่งพาดผ่านเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงนครแห่งสายน้ำนี้แทน ซึ่งผมว่ามันคือเสน่ห์มาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อได้เช่ารถจักรยานปั่นซอกแซกไปตามซอกหลืบแล้วยิ่งท้าทายใหญ่
แม่น้ำไห่เหอไม่ได้ส่งผลต่อการวางโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้นนะครับ แต่ยังมีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเทียนจินด้วย ยกตัวอย่างเช่นการแต่งงานครับ ชาวจีนส่วนใหญ่มักจะจัดงานมงคลสมรสกันในช่วงเช้าเพราะถือเป็นฤกษ์ดี แต่ชาวเทียนจินกลับทำตรงกันข้าม นิยมจัดพิธีแต่งงานกันในตอนค่ำ สาเหตุก็มาจากว่าสมัยก่อน ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพขนส่งทางน้ำ ช่วงเช้าจึงเป็นเวลาที่ยุ่งที่สุด จะว่างพอได้ขยับร่างอีกทีก็ตกบ่าย ประเพณีนี้จนปัจจุบันก็ยังไม่เลือนหาย เพราะแม้เทียนจินจะพัฒนากลายมาเป็นเมืองท่าอุตสาหกรรมสำคัญแห่งหนึ่งของจีน แต่ด้วยวิถีชีวิตของชาวเทียนจินที่ถูกเปลี่ยนไปให้ต้องทำงานในโรงงาน ไม่สามารถลาหยุดงานบ่อย ๆ ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขายังคงอนุรักษ์การแต่งงานในเวลาค่ำต่อไปเพราะสะดวกมากกว่า
มีโอกาสมาเทียนจินลองแวะนั่งจิบกาแฟ ทอดสายตา มองรถเรือแล่นผ่านไปมา ให้เวลาเดินช้า ๆ ดูนะครับ ผมมั่นใจว่าจะได้อารมณ์ที่แตกต่างกับปักกิ่งอย่างแน่นอน