เขากล่าวว่า ที่ว่าการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งนี้มีบทบาทสำคัญต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลกด้วยนั้น ไม่เพียงเป็นเพราะว่าจีนเป็นประเทศมหาอำนาจ หากยังเป็นเพราะว่าจีนได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาใหม่ จากการทบทวนประวัติศาสตร์จะพบได้ว่า การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ผ่านๆ มาได้ส่งสัญญาณการปฏิรูปเสมอ และจีนได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ทุกครั้ง เขากล่าวว่า
"ท่านสี จิ้นผิงได้ประกาศสิ่งสำคัญ และผมก็ดีใจที่วันนี้สื่อมวลชนทั้งหลายทั้งในไทยและในต่างประเทศได้เอามาอธิบายหรือเอามาย้ำ ผมจับประเด็นได้ว่า ท่านสี จิ้นผิงได้พูดถึงเรื่องความใหม่ 4 ประการ หนึ่ง ยุคใหม่ สอง แนวคิดใหม่ สาม ความขัดแย้งใหม่ และสี่ เป้าหมายใหม่ และท่านก็ขยายความว่า แต่ละอย่างมันคืออะไร ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะนั่นแสดงว่า จีนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แล้วก็เปิดประเทศออกไปสู่โลกภายนอกกว้างขึ้นกว้างขึ้นทุกทีกว่าที่ผ่านมา"
นายวิษณุ เครืองามยังได้ทบทวนและแนวความคิดเห็นต่อกระบวนการพัฒนาแนวคิดชี้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า แนวคิดของนายสี จิ้นผิงเกี่ยวกับสังคมนิยมที่มีลักษณะพิเศษของจีนในศักราชใหม่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย เขากล่าวว่า
"สิ่งที่ท่านสี จิ้นผิงประกาศนั้น แน่นอนว่า มีความหมายต่อประเทศจีน และมีความหมายต่อประเทศต่างๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะประเทศที่กำลังจะพัฒนาและยกระดับขึ้นมา อย่างเช่นประเทศไทยเอง ก็ต้องเงี่ยหูฟัง จับตามอง สังคมนิยมที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งจีนกำลังจะพยายามทำให้ความพิเศษนี้เกิดขึ้นและเด่นชัด แล้วสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทุกประเทศต้องจับตาดูว่า อะไรคือลักษณะพิเศษนี้ แล้วประเทศทั้งหลาย เช่น แม้กระทั่งประเทศไทยเอง เราจะเตรียมตัว หรือจะต้องปรับอะไรเพื่อที่จะได้สามารถเดินไปได้ในเส้นทางหรือทิศทางที่มีลักษณะพิเศษทำนองเดียวกันนี้"
นายวิษณุ เครืองามยังกล่าวว่า พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวหลายครั้งระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีหรือกล่าวปราศรัยผ่านทางวิทยุโทรทัศน์ว่า ไทยจะต้องศึกษาประสบการณ์ของจีนในการปฏิรูปและพัฒนาบ้านเมืองอย่างจริงจัง เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ
นายวิษณุ เครืองามแสดงความคิดเห็นว่า การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จัดขึ้นทุก 5 ปีกำหนดทิศทางการพัฒนาของพรรคและบ้านเมือง มีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล ไทยได้เรียนรู้จากตรงนี้ เริ่มมีการวางแผนยุทธศาสตร์ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล และกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งได้เผยแพร่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างชัดเจน
นายวิษณุ เครืองามยังกล่าวอีกว่า
"เรายังต้องคอยดูต่อไป เพราะว่าเราต้องคบค้า ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เราเป็นมิตรกัน แล้วก็หลายเรื่องที่เราอาจจะได้ประโยชน์ เราตรงนี้คือไทยที่จะได้ประโยชน์จากความลักษณะพิเศษ เช่น หนึ่งประเทศสองระบบ หรือว่า หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือว่า การเปิดประเทศออกไปสู่โลกภายนอกอย่างที่ท่านสี จิ้นผิงได้ย้ำ โดยเฉพาะความหมายสี่อย่างนั้น บางอย่างเราน่าจะเรียนรู้ อาจจะนำมาใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน"
สุดท้าย นายวิษณุ เครืองาม ย้ำว่าที่ประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 เสนอแนวคิดว่า สังคมนิยมที่มีลักษณะพิเศษของจีนได้ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่แล้ว ความขัดแย้งหลักในสังคมจีนได้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างความต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่นับวันมีความดีงามมากขึ้นของประชาชนกับการพัฒนาที่ยังไม่สมดุลและเต็มที่ จากแนวคิดที่ถูกต้องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จีนกำลังมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศที่มีความสมดุล ในวันข้างหน้า จีนจะเน้นการพัฒนาในหลายๆ ด้าน เช่น การบริหารประเทศภายใต้ระบบกฎหมาย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และศิลปวัฒนธรรม จะไม่ใช่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว คาดการณ์ได้ว่า ในอนาคต จีนจะออกนโยบายที่ดียิ่งขึ้นอีกมากมาย
(Lu yongjiang)
