ช่วงนี้ตามร้านอาหารล้วนประดับประดาด้วยธงสีเหลืองๆ มีอักษรภาษาจีนสีแดงเด่นอยู่ตรงกลาง อันเป็นสัญลักษณ์ว่า "เทศกาลกินเจ" เริ่มขึ้นแล้ว
ในปีระกา 2560 นี้ เทศกาลกินเจตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) หรือ วันที่ 20-28 ตุลาคม 2560 แต่บางคนอาจจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม เพื่อเป็นการล้างท้องนั่นเอง
และสำหรับในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลกับคนไทยอย่างมาก จะทำอะไรก็สะดวกรวดเร็วไปซะหมด การสั่งซื้ออาหารเจในช่วงนี้ หลายคนเลยหันมาสั่งผ่าน Online โดยมากขึ้นถึง 88% และมีบริการ Delivery ส่งตรงถึงบ้านกันเลยทีเดียว
รู้ความหมาย ก่อนจะเริ่มกิน
"การกินเจ" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หมายถึง การถือศีลอย่างญวนและจีนที่ไม่กินของสดคาว แต่บริโภคอาหารประเภทผักที่ไม่มีของสดของคาวผสม ซึ่งมาจากรากศัพท์คำภาษาจีนที่ว่า "เจียะช่าย" หมายถึง การกินอาหารประเภทผัก อาหารที่มาจากพืชพันธุ์ธรรมชาติ ไม่มีเนื้อสัตว์ปะปน และไม่ปรุงด้วยผักฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ และงดเว้นน้ำนมสด นมข้นด้วย เพราะถือว่าเป็นของสดของคาว
ธงเจ – สัญลักษณ์สีเหลืองในเทศกาลกินเจ
เมื่อเห็นธงสีเหลืองแล้วมีตัวอักษรภาษาจีนอยู่ในผืนธง ย่อมเป็นที่เข้าใจกันว่าเทศกาลกินเจเริ่มขึ้นแล้ว ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเทศกาล โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคล สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต
จุดประสงค์หลักของการกินเจ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
1. กินเพื่อสุขภาพ เพราะอาหารเจเป็นอาหารชีวจิต เมื่อกินติดต่อกัน จะทำให้ร่างกายสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ และปรับระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีเสถียรภาพ
2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากทุกๆ วัน อาหารที่เรากินประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่มีจิตใจดีงามจึงไม่สามารถกินเนื้อของสัตว์เหล่านั้นได้
3. กินเพื่อเว้นกรรม เพราะการฆ่าเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าเองก็ตาม เพราะการซื้อผู้อื่นเท่ากับการจ้างฆ่า ถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย ผู้ที่เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมจึงหยุดกิน หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ให้อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น
สำหรับคนที่กินเจอย่างเคร่งครัด นอกจากจะ "ถือศีล-กินเจ" แล้ว ยังต้องเลือกผู้ปรุงอาหารเจที่กินเจด้วย เพื่อให้ "อาหารเจ" นั้นบริสุทธิ์จริงๆ
บางคนจะคัดแยกภาชนะบรรจุหรือปรุงอาหาร จากที่ใช้ใส่อาหารที่มีเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด
และในบางแห่งอาจพบว่ามีการจุดตะเกียงเก้าดวงไว้เป็นเวลา 9 วัน ตลอดระยะเวลากินเจ เพื่อรำลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ญาติพี่น้อง และเพื่อเป็นพุทธบูชา
ความแตกต่างระหว่าง "อาหารเจ" กับ "อาหารมังสวิรัติ" และ "วีแกน"
- "อาหารมังสวิรัติ" หมายถึง อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภท แต่ยังคงใช้ผักทุกประเภทมาปรุง โดยรูปศัพท์หมายถึงการงดเว้นเนื้อสัตว์ (มังสะ = เนื้อสัตว์, วิรัติ = การงดเว้น)
ผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติมี 2 กลุ่ม
• กลุ่มแรกไม่บริโภคเนื้อสัตว์ แต่ยังคงบริโภคไข่และนม
• กลุ่มที่สองไม่บริโภคเนื้อสัตว์ รวมทั้งไม่บริโภคไข่และนมด้วย
อาหารมังสวิรัติงดเนื้อสัตว์เหมือนกับอาหารเจ รวมทั้งเครื่องปรุงที่ทำมาจากสัตว์ เช่น กะปิ น้ำปลา แต่ต่างกับอาหารเจตรงที่ไม่ห้ามบริโภคกระเทียม หัวหอม กุยช่าย หรือผักที่กลิ่นแรง ตลอดจนเครื่องเทศที่เผ็ดร้อน อาหารมังสวิรัติสามารถบริโภคได้ทั้งปี ไม่มีเทศกาลเหมือนอาหารเจ ผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติเชื่อว่า จะทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะได้งดเนื้อสัตว์และอาหารที่มีไขมันอื่นๆ อีกมากมาย
- อาหารเจ เป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกประเภทเช่นกัน แต่เพิ่มเติมคือจะไม่ใช้ผักฉุนทั้ง 5 ประเภท มาปรุงลงในอาหารโดยเด็ดขาด (ได้แก่ กระเทียม หัวหอม ต้นหอม กุยช่าย รวมทั้งใบยาสูบ) เพราะฉะนั้นผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติอยู่แล้ว หากจะทดลองปรุงและรับประทานอาหารเจดูบ้าง ก็เพียงแต่ไม่บริโภคผักฉุนทั้ง 5 ประเภทก็เรียกว่าเป็น "อาหารเจ" และ "กินเจ"
วัตถุดิบในการประกอบอาหารเจ คือ แป้ง เต้าหู้ ซีอิ้ว ถั่วเหลือง ถั่วต่างๆ และผักนานาชนิดยกเว้นผักที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากนี้ สำหรับผู้กินเจที่เคร่งครัดนั้น น้ำมันพืชที่ใช้ต้องบริสุทธิ์ 100% จะไม่ใช้น้ำมันพืชสูตรผสม เช่น น้ำมันรำข้าวปนน้ำมันถั่วเหลือง ภาชนะที่ใส่อาหารเจก็ต้องเตรียมไว้เป็นพิเศษ ไม่ใช้ปะปนกับภาชนะที่ใส่เนื้อสัตว์ ปัจจุบันอาหารเจได้รับการพัฒนารูปแบบขึ้นมาก มีการทำ "หมี่กึน" ที่ทำมาจากแป้งสาลีดัดแปลงให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเนื้อสัตว์ นำมาปรุงอาหารสำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถตัดขาดจากเนื้อสัตว์ได้เด็ดขาด
- Vegan (วีแกน) คือ การใช้ชีวิตโดยที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของสัตว์ ทั้งไม่ทานอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ (ไม่ทานไข่และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมด้วย) และไม่ซื้อหรือยุ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำร้ายสัตว์ เช่นพวกเครื่องหนังทั้งหลาย หรือเครื่องสำอางที่มีการทดลองกับสัตว์ค่ะ
ภาพจาก : https://www.facebook.com/JDayVeganDelivery/
อาหารสำเร็จรูปและการสั่งซื้อออนไลน์ยังครองใจคนกรุงฯ ในช่วงเทศกาลกินเจ
คนไทยยังคงให้ความสำคัญและตอบรับกับเทศกาลกินเจอย่างต่อเนื่องทุกปี บ้างก็กินทุกวันโดยไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาล บ้างก็กินจนครบจำนวนวัน บ้างก็กินเจในวันพระด้วย ปัจจุบันอาหารเจสามารถหาซื้อได้ง่าย ไม่เหมือนกับเมื่อหลายปีที่ผ่านมาที่ร้านค้ามีอย่างจำกัด ส่งผลให้ผู้บริโภคนิยมทานเจกันมากขึ้น อีกทั้งในยุคปัจจุบัน สังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย การซื้อการกินของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการหันมาทำธุรกิจออนไลน์เดลิเวอรี่มากขึ้น
แคมเปญ "คุณสั่ง เราส่ง" ทำให้ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า สิ่งที่แตกต่างชัดเจนจากปีก่อน คือ การมีช่องทาง Food Online/Delivery เข้ามาเป็นทางเลือกให้บริการ
ไลฟ์สไตล์คนกรุงเปิดโอกาสให้ เจ-ออนไลน์/เดลิเวอรี่ ถูกเลือกใช้บริการ สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการทำตลาดผ่านช่องทางนี้ในช่วงกินเจ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ พนักงานออฟฟิศ แพทย์/ พยาบาล ธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย รวมถึงกลุ่มนักเรียน/นักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ มีข้อจำกัดด้านเวลา ในทางกลับกันก็มีความอดทนน้อยลง ไม่ชอบรออะไรนานๆ หรือยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับความสะดวกสบาย อีกทั้งยังใช้ชีวิตผูกติดอยู่กับสมาร์ทโฟนหรือโลกออนไลน์อยู่เป็นประจำ
ข้อมูลจาก : kr.news@kasikornresearch.com
กลยุทธ์ที่ได้ใจผู้บริโภคในการกินเจปีนี้
การแข่งขันในโลกออนไลน์ยุคปัจจุบันสูงมากกระตุ้นให้ผู้ประกอบการต่างไม่นิ่งนอนใจ งัดกลยุทธ์และจุดเด่นในร้านตนเองออกมา โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อผู้ประกอบการไว้ดังนี้
1. ความคุ้มค่าด้านราคา ปัจจุบันผู้บริโภคยังต้องระมัดระวังการใช้จ่าย การจัดกลยุทธ์ด้านราคาที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้ถึงความคุ้มค่า น่าจะช่วยให้ผู้บริโภคหันมาสนใจใช้บริการ รวมถึงกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มเจต่อคนต่อมื้อเพิ่มขึ้น อาทิ โปรโมชั่นซื้อ 2 แถม 1 หรือสะสมแต้มแลกรับสิทธิประโยชน์หรือของแถม รองลงมาคือ มีการปรุงอาหารสด ใหม่ และมีการจัดส่งที่รวดเร็วและจัดส่งฟรี อย่างไรก็ดี ในเรื่องของการจัดส่งเร็ว (เดลิเวอรี่) ผู้ประกอบการควรหาพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น กลุ่มผู้ให้บริการขนส่งสินค้าเข้ามาช่วยในเรื่องการรับส่งสินค้า รวมถึงเพิ่มช่องทางการชำระเงินเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วย อาทิ เงินสด บัตรเครดิต E-money Promptpay QR Code Payment เป็นต้น ส่วนการจัดส่งฟรีนั้น ผู้ประกอบการอาจจะต้องมีการบริหารต้นทุนสินค้าให้ดี ซึ่งหากทำได้ก็คาดว่าจะสามารถดึงความสนใจผู้บริโภคได้อย่างมาก
2. สร้างความมั่นใจให้เกิดกับผู้บริโภค เช่น การเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดี พรีเมียม และมีคุณค่าต่อสุขภาพ หรือการนำเสนอเมนูอาหารแปลกใหม่ แตกต่างจากเมนูทั่วไปที่มีวางขายตามท้องตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ ในขณะเดียวกัน การสรรหาไอเดียการนำเสนอสินค้าและบริการ อาทิ สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาหารเจ อาทิ เมนู วิธีปรุง ความรู้เกี่ยวกับอาหารเจผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น หรือการันตีความอร่อย/ รีวิวในเพจเกี่ยวกับอาหาร จากผู้ที่เคยใช้บริการหรืออินฟลูเอนเซอร์ (คนที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง) ซึ่งอาจจะทำโดยการอัดเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน ซึ่งน่าจะสร้างความเชื่อมั่น ลดความกังวลใจในเรื่องคุณภาพอาหารและรสชาติ รวมถึงบริการจากทางร้านได้มากขึ้น
ร้านค้าออนไลน์ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ปฏิเสธไม่ได้ที่คนไทยจำนวนไม่น้อยติดโซเชียลมีเดีย นอกจากร้านสะดวกซื้อที่มีเมนูเจขายกันตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ร้านค้าออนไลน์ก็ต่างงัดกลยุทธ์ "คุณสั่ง-เราส่ง" มาแข่งขันกัน เพียงแค่นี้ ก็ได้ทานอาหาเจที่เราสามารถเลือกได้จากรูปเมนูที่บรรดาร้านค้าโพสต์ขายกันโดยไม่ต้องไปเดินหาซื้อให้เสียเวลา ส่วนเรื่องของรสชาตินั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ถูกปากเราไม่ถูกปากคนอื่นก็เยอะแยะไป
สุดท้ายแล้วอย่าลืมนึกถึงจุดประสงค์อันแท้จริงของการกินเจว่ากินไป "เพื่ออะไร"
อ้างอิง : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย / KR.NEWS@kasikornresearch.com / Current Issue ปีที่ 23 ฉบับที่ 2873 วันที่ 3 ตุลาคม 2560
ยุพินวดี คุ้มกลัด รายงาน