สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า วันที่ 28 ตุลาคมนี้ การประชุมสัมมนาประจำปีเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีหัวข้อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับต่างประเทศหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง การพัฒนาระบบเศรษฐกิจที่ทันสมัยของจีนซึ่งเป็นเป้าหมายที่ที่ประชุมสมัชชาพรรคฯกำหนดขึ้นเป็นครั้งแรกนั้น กลายเป็นประเด็นจุดร้อนในช่วงจัดประชุม นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทั้งจีนและต่างประเทศที่ร่วมการประชุมครั้งนี้ต่างเห็นว่า ในอนาคต จีนจะเน้นยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการพัฒนาเศรษฐกิจ จะดำเนินยุทธศาสตร์พัฒนาบ้านเมืองด้วยแรงขับเคลื่อนที่เกิดจากการนวัตกรรม และจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านนวัตกรรมด้วย

นายหวาง อีหมิง รองหัวหน้าศูนย์วิจัยการพัฒนาของคณะรัฐมนตรีจีนกล่าวระหว่างร่วมการประชุมว่า หลังการประชุมสมัชชาพรรคฯครั้งที่ 19 การพัฒนาเศรษฐกิจจีนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง 5 ประการดังนี้ คือ

ประการแรก เศรษฐกิจจีนจะเติบโตในระดับปานกลางค่อนมาทางสูง ประการที่สอง อุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมได้พัฒนาถึงระดับใกล้อิ่มตัวหรือว่าอิ่มตัวแล้วก็ได้ อุตสาหกรรมที่เจริญขึ้นใหม่เข้าสู่ช่วงที่ขยายตัว ประการที่สาม การพัฒนาเขตเมืองจะดำเนินการในระดับลึก ประการที่สี่ ความต้องการด้านพลังงานและทรัพยากรสินแร่จะแตะเพดาน ความเกี่ยวพันกันระหว่างการใช้พลังงาน การปล่อยมลพิษ กับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจะลดน้อยลง และประการสุดท้าย เศรษฐกิจจีนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจโลกอย่างเห็นได้ชัด

นายหวาง อีหมิงกล่าวว่า ที่ประชุมสมัชชาพรรคฯครั้งที่ 19 เน้นว่า คุณภาพและประสิทธิภาพของการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ต้องอยู่เหนือสิ่งใดอื่น จีนจะต้องลงลึกการปฏิรูปโครงสร้างอุปทาน ยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างแรงขับเคลื่อนใหม่แห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ ต้องพัฒนาระบบอุตสาหกรรมที่ทันสมัย คือให้เศรษฐกิจภาคจริง การนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การเงินที่ทันสมัย และทรัพยากรมนุษย์พัฒนาอย่างพร้อมเพรียงกันและสมดุลกัน ขณะเดียวกัน ต้องให้กลไกการตลาดมีประสิทธิภาพ วิสาหกิจต่างๆ ต้องมีชีวิตชีวา การควบคุมเศรษฐกิจมหภาคต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม

นายหวาง อีหมิงยังกล่าวว่า ในอนาคต จีนจะเร่งปฏิรูปในหลายๆ ด้าน เช่น พัฒนาจีนให้เป็นประเทศที่เน้นนวัตกรรม ดำเนินยุทธศาสตร์พัฒนาเขตชนบทให้เจริญรุ่งเรือง และยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศอย่างสมดุล รวมทั้งเปิดประเทศอย่างครบวงจร

ศาสตราจารย์หง อิ๋นซิง จากมหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า จีนจะต้องเร่งดำเนินยุทธศาสตร์การพัฒนาด้วยแรงขับเคลื่อนใหม่ ผลักดันการพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมพัฒนาให้ขึ้นสู่ระดับกลางและสูงของโลก ทั้งนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างระบบเศรษฐกิจจีนที่ทันสมัย

เขากล่าวว่า การก้าวออกไปของวิสาหกิจจีนไม่ได้หมายความว่าจะไปซื้อโรงแรม ซื้อทีมฟุตบอลจากต่างประเทศ แต่หมายความว่า จะต้องเน้นนำห่วงโซ่มูลค่าของวิสาหกิจจีนก้าวออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อวิสาหกิจจีนเท่านั้น แต่ยังจะนำโอกาสการพัฒนาแก่ประเทศและเขตแคว้นต่างๆ ตามเส้นทางสายไหมด้วย ห่วงโซ่มูลค่าที่วิสาหกิจจีนนำออกไปจะมีสองอย่างด้วยกัน คือ ห่วงโซ่มูลค่าที่สนับสนุนโดยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสูง และห่วงโซ่มูลค่าการผลิตและการแปรรูปสินค้าทั่วไป ซึ่งจะใช้ต้นทุนต่ำกว่าประเทศอื่น แต่มีคุณภาพดี

(YIM/cai)