ขณะที่เศรษฐกิจสังคมของจีนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จำนวนรถยนต์ในจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาด้วย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆของจีน นอกจากการจราจรติดขัดแล้ว ปัญหาที่จอดรถไม่พอนับเป็นปัญหาหนักอึ้ง สถิติที่เกี่ยวข้องระบุว่า ปัจจุบัน ทั่วประเทศจีนขาดแคลนที่จอดรถกว่า 50 ล้านที่

ปัญหาไม่มีที่จอดรถนั้นเป็นปัญหาของทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่เศรษฐกิจเจริญขึ้นใหม่ จีนพัฒนาจากสังคมจักรยานเข้าสู่สังคมรถยนต์ โดยใช้เวลาเพียง 10 กว่าปีเท่านั้น การพัฒนาที่เร็วเกิน ทำให้ปัญหาที่จอดรถมีความโดดเด่นอย่างยิ่ง

กรุงปักกิ่งนับเป็นเมืองที่มีรถยนต์มากที่สุดในจีน สถิติระบุว่า ถึงครึ่งแรกปีนี้ รถยนต์ในกรุงปักกิ่งมีถึง 5,550,000 คัน แต่ที่จอดรถในตัวเมือง รวมถึงที่จอดรถเฉพาะกิจตามข้างทางรวมแล้ว มีแค่ 3,020,000 ที่ ยังขาดอีกเกือบครึ่ง

หลายปีมานี้ แผนพัฒนาการคมนาคมเมืองต่างๆในจีนส่วนใหญ่วางแผนตามข้อมูลระบบขนส่งมวลชนและจักรยาน ไม่ว่าหน่วยงานที่ทำงานหรือเขตชุมชน ต่างก็ไม่ได้จัดที่จอดรถยนต์ให้เพียงพอ หลังจากจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกเมื่อปี 2001 การผลิตและจำหน่ายรถยนต์ของขีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วง 10 ปีเท่านั้น จีนก็เข้าสู่สังคมรถยนต์แล้ว ในเมืองใหญ่ๆจำนวนหนึ่ง รถยนต์เต็มเมืองจนเกิดปัญหาจราจรติดขัดและหาที่จอดลำบาก พร้อมทั้งทำให้คุณภาพอากาศในเมืองลดลง

เมื่อปี 2001 ทั่วประเทศจีนมีรถยนต์แค่ 18 ล้านคัน ถึงสิ้นเดือนมิถุนายนปีนี้ จีนมีรถยนต์กว่า 200 ล้านคันแล้ว ในจำนวนนี้ รถยนต์โดยสารขนาดเล็กมี 168 ล้านคัน รถยนต์ส่วนตัวมี 156 ล้านคัน นักวิเคราะห์เห็นว่า การที่จำนวนรถยนต์ส่วนตัวเพิ่มขึ้นเร็วเกินควรนั้นน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาหาที่จอดรถยาก

สถิติจากสำนักงานบริหารการคมนาคมของจีนระบุว่า ปัจจุบัน ทั่วประเทศจีนมีเมืองที่มีรถยนต์กว่า 1 ล้านคัน 49 เมือง มีเมืองที่มีรถยนต์กว่า 2 ล้านคัน 23 เมือง ส่วนกรุงปักกิ่ง เมืองเฉิงตู ฉงชิ่ง เซี่ยงไฮ้ ซูโจว และเซินเจิ้น ต่างมีรถยนต์กว่า 3 ล้านคัน ในจำนวนนี้ เมืองเฉิงตูมีรถยนต์กว่า 4 ล้านคัน และปักกิ่งมีกว่า 5 ล้านคัน

เมืองที่มีรถยนต์กว่า 1 ล้านคัน 49 เมืองนั้น ต่างต้องเผชิญกับปัญหาที่จอดรถอย่างหนัก ขาดที่จอดจำนวนมาก โดยเฉพาะการบริหารการจอดรถ นับเป็นปัญหาที่ทำให้หน่วยงานบริหารที่เกี่ยวข้องของทุกเมืองต้องปวดหัว และนับวันโดดเด่นยิ่งขึ้น