สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อวันที่ 30พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงพบกับผู้ร่วมการประชุมเสวนาระหว่างประเทศฉงตู(Imperial Springs) 2017 ที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างการพบปะ นายสี จิ้นผิงได้บรรยายสรุปแนวทางการพัฒนาประเทศ และหลักการ ข้อคิดเห็นของจีนในการร่วมบริหารโลก ทั้งนี้ นายสี จิ้นผิงย้ำการรักษาการพัฒนาที่มั่นคงในระยะเวลายาวนานของจีนซึ่งมีประชากร 1,300 ล้านคนนับเป็นคุณูปการสำคัญต่อการสร้างประชาคมมนุษย์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขได้ จีนจะเดินบนหนทางการพัฒนาที่สันติตลอดไปอย่างไม่ลดละ ยึดมั่นนโยบายการปฏิรูปและเปิดประเทศ เข้าร่วมการบริหารโลกอย่างแข็งขันยิ่งขึ้น แสดงบทบาทมากขึ้นในการพิทักษ์สันติภาพ เสถียรภาพ ส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของโลก

ผู้ร่วมการพบปะครั้งนี้ประกอบด้วยนักการเมืองระดับโลกที่มีชื่อเสียงหลายท่าน เช่น นางไวรา ไวค์-ฟรายเบอร์กา อดีตประธานาธิบดีลัตเวีย นายโรมาโน โพรดี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนายบัน คีมูน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ

ระหว่างการพบปะ นางไวรา ไวค์-ฟรายเบอร์กา อดีตประธานาธิบดีลัตเวีย กล่าวว่าการเดินทางมาร่วมเสวนาที่จีนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะรับฟังและทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อเสนอและแผนพัฒนาประเทศของจีน ผู้ร่วมเสวนาครั้งนี้สนใจความร่วมมือกับจีน และมีความเห็นพ้องกันว่า จีนกำลังแสดงบทบาทที่นับวันสำคัญยิ่งขึ้นบนเวทีโลก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีโอกาสรับฟังความคิดเห็นของจีนในประเด็นปัญหาต่างๆมากขึ้น เพื่อเข้าใจแผนการพัฒนาประเทศและภูมิปัญญาของจีน

ทั้งนี้ นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ที่ประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ได้วางแผนทางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศในอนาคต ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม ระบบนิเวศ เราได้กำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศที่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ลงลึกปฏิบัติตามนโยบายพัฒนาประเทศที่มีลักษณะส่งเสริมนวัตกรรม มีความสมดุลกันในทุกด้าน เป็นเพื่อนต่อสิ่งแวดล้อม เปิดสู่ภายนอก และประชาชนทุกหมู่เหล่าให้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน จีนจะลงลึกการปฏิรูปในทุกด้าน ส่งเสริมนวัตกรรมในทั่วสังคม และเติมพลังขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังจะให้มีการเปิดสู่ภายนอกที่มีระดับสูงยิ่งขึ้น

นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า เป้าหมายของจีนมีความสูงส่งมาก แต่ก็มีความเรียบง่าย สรุปคือ จะให้ประชาชนทั่วประเทศใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น จีนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

นายสี จิ้นผิง ยังกล่าวว่า หนทางการพัฒนาของจีนคือ สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีน เราเดินบนหนทางนี้ เป็นเหตุเป็นผลทางประวัติศาสตร์ และเป็นทางเลือกของประชาชน จีนมีข้อคิดเห็นมาโดยตลอดว่า ประชาชนทุกประเทศมีสิทธิเลือกหนทางการพัฒนาของตน ในโลกนี้ ไม่มีหนทางการพัฒนาประเทศใดเหมาะสมกับทุกประเทศ หากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เหมือนกันหมด การพัฒนาและความก้าวหน้าของโลกก็จะยุติลง ดังนั้น หนทางการพัฒนาของประเทศหนึ่งประเทศใดจะเหมาะสมหรือไม่นั้น ต้องให้ประชาชนของประเทศนั้นเป็นผู้ตัดสินเอง จีนเคารพความหลากหลายของอารยธรรม ริเริ่มส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและศึกษากันและกัน ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปกครองบริหารประเทศกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อนำข้อดีของประเทศอื่นมาเสริมในสิ่งที่ตนเองยังไม่ดีพอ และก้าวหน้าไปพร้อมกัน

ขณะกล่าวถึงหลักการและข้อเสนอของจีนในการร่วมการบริหารโลก นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะขับเคลื่อนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยรูปแบบใหม่ ส่งเสริมการสร้างประชาคมมนุษย์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขได้ นี่เป็นเป้าหมายทางการทูตของจีนในยุคใหม่ และเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องร่วมกันใช้ความพยายาม

นายสี จิ้นผิงยังกล่าวว่า การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยรูปแบบใหม่มีความหมายว่า ต้องยึดมั่นในหลักการแห่งการเคารพกันและกัน ความเที่ยงธรรม ความเป็นธรรม ความร่วมมือและการได้ชัยชนะร่วมกัน เลิกใช้แนวคิดที่จะใช้กฎแห่งป่า คือประเทศใหญ่สามารถรังแกประเทศเล็ก ประเทศที่เข้มแข็งสามารถรังแกประเทศที่อ่อนแอกว่า ทั้งนี้ ทุกประเทศต้องหันมาเดินหนทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ที่ให้มีการหารือกัน ไม่เป็นปรปักษ์กัน เป็นหุ้นส่วนกัน แต่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ส่วนการผลักดันการสร้างประชาคมมนุษย์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขได้นั้นมีความหมายว่า ต้องสร้างโลกที่มีสันติภาพถาวร มีความมั่นคงโดยทั่วไป มีความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน มีการเปิดกว้าง และมีความสวยงาม ความฝันจีนสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ร่วมกันของประชาชนจีนอันกว้างไกลที่สุด ส่วนประชาคมมนุษย์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขได้นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาร่วมกันของประชาชนทั่วโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดที่จะต้องมีสันติภาพ การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

ประชุมเสวนาระหว่างประเทศฉงตู(Imperial Springs) จัดขึ้นปีละครั้ง โดยการประชุมครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อปี 2014 ผู้ร่วมประชุมส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง นักวิชาการ นักธุรกิจชั้นนำของโลก เสวนาในประเด็นร้อนต่างๆ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคและโลก หัวข้อหลักของการประชุมปีนี้คือ "การบริหารทั่วโลกกับข้อเสนอของจีน "

(YIM/cai)