สถิติยังแสดงว่า รายได้เฉลี่ยต่อคนในเมืองของมณฑลเจ้อเจียงอยู่อันดับแรกของทั้งประเทศจีนติดต่อกัน 16 ปีแล้ว ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อคนในชนบทก็ครองอันดับแรกของทั้งประเทศติดต่อกัน 32 ปีแล้ว นักวิเคราะห์เห็นว่า มณฑลเจ้อเจียงนับเป็นมณฑลที่ร่ำรวยจริงๆ ไม่ว่าในด้านรายได้ประชาชน รายได้วิสาหกิจ และรายได้การคลัง ล้วนมีการเพิ่มขึ้นในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่สุดคือ ชาวเจ้อเจียงส่วนใหญ่มีรายได้สูงกว่าที่อื่น หากรายได้เฉลี่ยต่อคนในเมืองของเจ้อเจียงเพิ่มขึ้นปีละ 7.5% ถึงปี 2022 รายได้เฉลี่ยต่อคนในเมืองของมณฑลดังกล่าวจะมีกว่า 70,000 หยวน
ในผลจัดอันดับนักธุรกิจร่ำรวยประจำปี 2016 นักธุรกิจชาวเจ้อเจียงมีจำนวนมากที่สุด สิ่งที่น่าสังเกตคือ มณฑลเจ้อเจียงมีประชากรทั้งหมด 55 ล้านคน เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของประชาชนในมณฑลกว่างตงและมณฑลซานตง
นายเฉิน ซินหมิง นักธุรกิจชาวเจ้อเจียงผู้หนึ่งบอกว่า นักธุรกิจชาวเจ้อเจียงส่วนใหญ่มีนิสัยเข้มแข็งอดทน ใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละ และมีจิตวิญญาณที่รักความท้าทายกล้าเสี่ยงมากกว่า ในกระบวนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งเน้นเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ต นักธุรกิจเจ้อเจียงก็เป็นกลุ่มนำร่อง และเมื่อเทียบกับท้องที่อื่นๆ นักธุรกิจในอายุ 50-60 ปีส่วนใหญ่จะเกษียณแล้ว แต่นักธุรกิจชาวเจ้อเจียงถึงอายุสูงเช่นนี้ก็ยังคงคิดจะบุกเบิกทำธุรกิจต่อ
รองศาสตราจารย์ติง ฉางฟา อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน วิเคราะห์ว่า มณฑลเจ้อเจียงเป็นมณฑลที่มีระดับความเป็นตลาดสูงสุดในจีน ไม่ว่าปัจจัยผู้ใช้แรงงานหรือนวัตกรรมด้านนโยบาย ต่างก็เป็นระดับนำร่องทั่วประเทศ จึงทำให้ลดต้นทุนต่างๆในการพัฒนาเศรษฐกิจได้น้อยลงอย่างมาก ในมณฑลเจ้อเจียง เศรษฐกิจในเมืองและชนบทต่างก็มีความเจริญรุ่งเรือง แต่ละท้องที่ในมณฑลดังกล่าวมีกลุ่มธุรกิจในเอกลักษณ์ของตน ซึ่งมีกำลังแข่งขันสูงอย่างยิ่ง
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคนของมณฑลเจ้อเจียง มีลักษณะที่แต่ละท้องที่ค่อนข้างสมดุล แต่อีก 4 มณฑลมีช่องว่างแตกต่างเรื่องรายได้ในท้องที่ต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด ในมณฑลเจียงซู เมืองทางตอนใต้กับเหนือมีช่องว่างอย่างชัดเจน ในมณฑลกว่างตง ดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำจูเจียงกับท้องที่อื่นๆ ภายในมณฑลก็มีช่องว่างการพัฒนาไม่น้อย ในมณฑลฝูเจี้ยน เมืองศูนย์กลาง 3 เมืองกับท้องที่อื่นๆ มีช่องว่างอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน ส่วนในมณฑลซานตง เมืองทางด้านตะวันออกกับตะวันตกจะมีความต่างกันอย่างมาก
