เขตปกครองตนเองมองโกเลียในตั้งอยู่ทางภาคเหนือของจีน มีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีทุ่งหญ้าสวยสดงดงาม เนื่องจากชาวมองโกลสมัยโบราณเป็นชาวปศุสัตว์ หรือชนเผ่าเร่ร่อน จึงไม่มีประเพณีดั้งเดิมเกี่ยวกับการทำนา ส่วนอาหารหลักก็จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ และนม ตลอดจนผลิตภัณฑ์นม ซึ่งต่างเป็นอาหารที่มีแคลอรี่สูง ที่สามารถเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้

อาหารดั้งเดิมมองโกเลียในส่วนใหญ่จะใช้เนื้อแกะและเนื้อวัว รวมทั้งเครื่องในด้วย

1. "โสวป่าโร่ว"

ถ้าแปลตรงก็คือ "จับด้วยมือ" ซึ่งกล่าวถึงวิธีรับประทานนั่นเอง โดยเป็นการนำเนื้อแกะมาต้มในน้ำปริมาณน้อยๆ ซึ่งต้องเลือกแกะน้อยที่มีเนื้อนิ่มและค่อนข้างมัน ใส่ในหม้อพร้อมกับเครื่องเทศต่างๆ ต้มไปนึ่งไป เนื่องจากปรุงด้วยกระดูก เวลารับประทาน ต้องใช้มือถือกระดูก และใช้มีดเฉือนเนื้อออก จึงได้ชื่อนี้

2. เนื้อแกะย่าง

เนื้อแกะย่างเป็นอาหารมองโกลดั้งเดิมที่ขึ้นชื่ออีกจานหนึ่ง หากไปกันหลายๆ คน และพักในเต็นท์มองโกล ก็จะมีโอกาสลองชิมแกะย่างทั้งตัว โดยจะมีคนท้องถิ่นช่วยย่างให้ ส่วนถ้าไปเที่ยวกันไม่กี่คน หรือพักในตัวเมือง อาจจะขาดบรรยากาศแบบดั้งเดิมไปบ้าง แต่ก็สามารถหาโอกาสลิ้มรสชาติแท้จริงได้ตามร้านอาหาร โดยร้านอาหารมองโกลต่างจะมีขาแกะย่างตัวเล็กให้เลือกสั่ง ทั้งขนาดสำหรับรับประทานคนเดียวหรือสักสามสี่คน

3. "ปิงจู่หยาง"

"ปิงจู่หยาง" แปลว่า เนื้อแกะต้มด้วยน้ำแข็ง เล่ากันว่า จานนี้มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับเจงกีสข่าน มีครั้งหนึ่งเจงกีสข่านนำกองทหารไปสู้รบที่บริเวณใกล้ทะเลสาบไบข่าน เนื่องจากขาดแคลนน้ำดื่ม รอบตัวมีแต่น้ำแข็ง เจงกีสข่านจึงสั่งให้ทหารเจาะน้ำแข็งมาวางใส่หมวกเหล็กเพื่อใช้หมวกเป็นหม้อในการต้มเนื้อแกะที่หั่นเป็นชิ้นๆ เวลารับประทาน ทหารต่างรู้สึกว่าอร่อยกว่าที่ต้มด้วยน้ำตามปกติ และก็ได้พัฒนามาเป็นจานดั้งเดิมของอาหารมองโกล จานปิงจู่หยางในปัจจุบัน เวลาต้ม จะใช้เนื้อแดงของส่วนขาใหญ่ใกล้เอวของแกะ ใส่เก๋ากี้และหอมแดงต้มด้วยกันเพื่อปรุงรสชาติ พอน้ำเดือดก็รับประทานได้แล้ว ถึงจะต้มนานเท่าไหร่ เนื้อก็ยังนิ่มอยู่ ส่วนน้ำชุปก็พลาดไม่ได้เช่นกัน เพราะเนื้อแกะที่ทุ่งหญ้ามองโกเลียในจะไม่มีกลิ่นสาบ

Yim/Ldan