การประชุมงานเศรษฐกิจกลางที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงมีมติว่า จะเดินหน้าสร้างสถานการณ์ใหม่ที่เปิดเสรีทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะส่งเสริมการสร้างสมดุลทางการค้า ด้วยมาตรการยกระดับคุณภาพและมูลค่าเพิ่มของสินค้าส่งออกให้สูงขึ้น นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น และปรับลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าบางส่วนให้น้อยลง ทั้งนี้ในสายตาของนายฮั่ว เจี้ยนกั๋ว ผู้เชี่ยวชาญสถาบันศึกษาความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จีน เห็นว่านี่คือ "แบบย่อ" ของนโยบายทางการค้าของจีน
"แต่ไหนแต่ไรมา จีนไม่เคยระบุอย่างเปิดเผยว่า นโยบายทางการค้าของจีนคืออะไร ในอดีตเคยระบุว่าส่งเสริมการส่งออกด้วยการนำเข้า ทว่ายังไม่เคยกำหนดนโยบายทางการค้าที่แน่ชัดและถูกต้อง มาถึงคราวนี้ถือได้ว่าเป็นการปูทางไปสู่แบบย่อนโยบายทางการค้า และเป็นการวางรากฐานสำหรับการกำหนดนโยบายทางการค้า นั่นก็คือ สร้างดุลยภาพทางการค้านำเข้า-ส่งออก โดยจะยกศักยภาพการแข่งขันและมูลค่าเพิ่มของสินค้าส่งออกให้สูงขึ้น พร้อมนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น"
ช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนปีนี้ จีนใช้ทุนต่างชาติจำนวน 803,620 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว การประชุมงานเศรษฐกิจกลางปีนี้ย้ำอีกครั้งว่า จะผ่อนปรนเกณฑ์การอนุมัติเข้าตลาดอย่างเป็นระบบมากขึ้นและตัดบัญชีดำห้ามการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการต่างชาติให้น้อยลงต่อไป เพื่อชักนำผู้ประกอบการต่างชาติมาลงทุนในจีนมากขึ้น เขตนำร่องการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีเขตแรกของจีน และใช้รูปแบบการกำกับบัญชีดำห้ามการลงทุนฯ มาเป็นเวลากว่า 4 ปี ได้ตัดรายการบัญชีดำห้ามการลงทุนเหลือ 95 รายการ จากเดิม 193 รายการ ทั้งกำลังศึกษาเรื่องการนำร่องสร้างเมืองท่าการค้าเสรีด้วย นายลู่ ฟางโจว รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลเขตนำร่องการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ระบุว่า การสร้างเมืองท่าการค้าเสรีเท่ากับการสร้างเขตการค้าเสรีระดับสากลที่แท้จริง
"การสร้างเมืองท่าการค้าเสรีที่กำลังหารืออยู่นั้น ถือว่าเข้ามาตรฐานเขตการค้าเสรีตามธรรมเนียมปฏิบัติระดับสากลที่แท้จริง เป็นการเปิดเสรีที่แท้จริง ทั้งสินค้า เงินทุน และบุคลากร กว่าจะไปถึงเมืองท่าการค้าเสรีนี้ ยังต้องใช้ความพยายามอีกมาก ทั้งการออกแบบและขั้นตอน ตลอดจนการกำกับดูแล"
สิ่งที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ การประชุมงานเศรษฐกิจกลางปีนี้ย้ำว่า จะเปิดเสรีมากขึ้นทั้งขอบข่ายและระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปิดเสรีมากขึ้นตั้งแต่แง่แนวคิด แผนผัง ไปจนถึงระบบกลไก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ จีนประกาศเปิดเสรีกิจการธนาคาร หลักทรัพย์ การประกันภัย และธุรกรรมอื่นๆ ทางการเงินสำหรับทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของการประชุมปีนี้อย่างเต็มที่ นายจง เหลียง หัวหน้านักวิจัยธนาคารแห่งประเทศจีนวิเคราะห์ว่า การเปิดเสรีตลาดทางการเงินไม่เพียงแต่สามารถส่งเสริมเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลได้เท่านั้น หากยังสามารถช่วยจีนรั้งตำแหน่งแหล่งน่าลงทุนระดับโลกอีกด้วย
"ด้านหนึ่งคือ ปรับตามความต้องการของสถานการณ์ประเทศ และอีกด้านคือปรับบรรยากาศการประกอบการด้านธุรกิจให้สมบูรณ์ขึ้น ให้จีนเป็นแหล่งเงินทุนของโลก ให้เชื่อมั่นว่ามาลงทุนที่จีนจึงจะได้ผลกำไรมากขึ้น ผลจากการสร้างบรรยากาศที่ดีด้วยการเปิดเสรีสองทิศทาง จะเป็นสถานการณ์แบบไหนนั้น ท้ายที่สุดจะพบว่า เงินทุนสากลจะไหลมาสู่จีนด้วยช่องทางที่สมเหตุสมผลอย่างยั่งยืน"
(YIM/LING)
