ภาวะสับสนต่างๆ ในการเลือก
3.การมองเห็นปัญหาต่างๆ ล้วนเป็นการเลือกโดยไม่มองเห็นถึงปัญหาที่ซ่อนไว้
สถิติพบว่าเวลาที่ตัดสินใจของ CEO บริษัทต่างๆนั้นมีกว่า 50% ตัดสินใจภายในเวลา 9 นาทีเท่านั้น มีเพียง 12% ที่พวกเขาใช้เวลาตัดสินใจนานกว่า 1 ชั่วโมง
แต่ละวัน CEO บริษัทต่างๆ ต้องเผชิญกับการเลือกที่สำคัญหลายๆ ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ใช้เวลาในการตัดสินใจมากเกินควร เพราะฉะนั้น ความสำคัญของการเลือกที่แท้แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับเวลาที่ใช้ในการเลือกโดยตรง แล้วทำไมเราจึงใช้เวลาในการเลือกนานเกินควรล่ะ
ลองคิดดูว่า เหตุใดที่เพื่อนของฉันสับสนในเรื่องการเลือกสีลิปสติก แต่ฉันกลับช่วยเลือกได้อย่างรวดเร็ว
นี่ไม่ใช่เรื่องรสนิยมในความสวยงาม แต่เป็นเพราะว่าเพื่อนของฉันอยากได้คู่รักจริงๆ เธอไม่อยากพลาดกับคนที่ตนรักเพราะเหตุผลใดๆ ทั้งนั้น เธอรู้สึกว่า ฉันทำผิดอีกไม่ได้แล้ว ถ้าครั้งนี้ผิดฉันก็หมดทางแล้ว ความสุขของฉันก็หมดไปแล้วเหมือนกัน
ที่แท้การเลือกสีลิปสติกไม่ได้สำคัญเช่นนั้น เพียงแต่ว่าเธอมองความสุขของชีวิตเธอให้เป็นปัญหาของการเลือกสีลิปสติก
ฉะนั้น เมื่ออยู่กับผู้ที่เลือกได้ยาก ไม่ว่าเราจะเสนอข้อเสนออะไร ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ
หากคุณบอกว่าให้เลือกเอ เขาเห็นว่าไม่ได้ คุณบอกว่างั้นก็เลือกบี เขาก็ยอมรับไม่ได้เหมือนกัน คุณพยายามชี้ทางให้เขาเลือกเอง แต่เขาก็ยังคงสับสนและตัดสินใจไม่ได้เหมือนกัน
พวกเขาเข้าใจสิ่งที่คุณอยากจะบอกพวกเขาคือ ทางเลือกทั้งสองอย่างมีความได้เปรียบและเสียเปรียบ เราควรยอมรับความไม่แน่นอน เราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เราเลือกเอง แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกไม่ได้
คนคนหนึ่งที่ไตร่ตรองว่าจะทำงานวงการไหนมีอนาคตสดใสกว่า และไม่ได้สะสมประสบการณ์ในการงานที่กำลังทำอยู่นั้น มักจะคิดว่า ผมสิ้นเปลืองไปหลายปี หากสิ้นเปลืองอีกหลายปีข้างหน้า ชาตินี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว เขาจะคิดว่าทั้งหมดนี้เพราะตนไม่เข้าใจเลือก หากเลือกถูก ทุกสิ่งก็จะราบรื่นดี
สำหรับคนที่ไม่ให้ความสำคัญกับความสามารถในการทะนุถนอมรักนั้น ก็จะเห็นว่าปัญหาเกี่ยวกับความรักคือการเลือกคู่รักเท่านั้น พวกเขาเห็นว่าความรักเป็นประเด็นที่ง่ายมาก เพียงแต่เลือกคู่รักที่ถูกก็จะแก้ปัญหาหมด พวกเขาเห็นว่า ขอให้เลือกคนที่ถูกต้อง ฉันจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้น เราจะมองปัญหาทุกอย่างว่าเป็นเรื่องของการเลือก เวลาต้องตัดสินใจจึงเลือกได้ยากมาก และหลังการเลือก อาจจะมีความรู้สึกว่าเลือกผิด รู้สึกเสียดาย
เพราะคุณใช้เวลาเลือกนานมาก และเห็นว่าการเลือกของคุณมีความสำคัญยิ่ง แต่ผลกลับไม่ได้ตามที่คาดคิด คุณจึงรู้สึกเสียดายยิ่งกว่าการเลือกที่ใช้เวลาสั้นๆ
ที่แท้สำหรับการเลือกทั่วไปแล้ว การเลือกเป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น และความพยายามหลังการเลือกนั่นเอง เป็นก้าวที่สำคัญที่สุด และความพยายามหลังเลือกนั้นเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับกระบวนการการเลือกของเรา