สี่ จากสมรภูมิสู่ความสบายเหมือนสนามบิน เมื่อ 10 กว่าปีก่อน สถานีรถไฟเนืองแน่นไปด้วยผู้โดยสาร เหมือนกระแสน้ำไหลมา แออัดยัดเยียดเบียดเสียดกัน หลังจากถูกปล่อยให้เข้าประตูตรวจตั๋วเพื่อเข้าสู่ชานชาลา ก็จะเห็นรองเท้าที่หลุดจากการเบียดกันกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องพักผู้โดยสาร ผู้บริหารสถานีรถไฟเล่าว่า ตอนนั้นสิ่งที่กลัวที่สุดคืออุบัติเหตุเหยียบกันตาย เพราะแต่ละวันเหมือนอยู่ในสมรภูมิ น่ากลัวมาก ทุกวันนี้ สถานีรถไฟนับวันยิ่งเหมือนสนามบิน และสะดวกกว่าสนามบิน เพราะผู้โดยสารไม่ต้องมาก่อนเวลารถออกหลายชั่วโมงเหมือนนั่งเครื่องบิน ครึ่งชั่วโมงหรือน้อยกว่านี้ก็ยังทัน ใช้ตู้ปรินต์ตั๋วอัตโนมัติในสถานี หากยังมีเวลาเหลือ ก็เดินชอปปิ้งหรือนั่งจิบกาแฟ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเบียดเสียดกันอีกแล้ว
ห้า จากการทนหิวสู่การสั่งอาหารออนไลน์ แต่ก่อนการนั่งรถไฟต้องพกอาหารไปด้วย บางคนเตรียมข้าวและกับข้าวใส่กล่องพกขึ้นรถไฟ บางคนพกโรตีห่อต้นหอม ขนมปัง แฮม บะหมี่สำเร็จรูป คนที่มีเงินหน่อยก็จะมีไก่ย่างและเบียร์กระป๋องหรือแบบขวด บนรถไฟมีตู้ห้องอาหาร และมีการเข็นรถขายข้าวกล่องด้วย แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะกินอาหารที่พกไปเอง ตอนนี้มีข้าวกล่องให้เลือกตั้งแต่ 15-80 หยวน มี KFC และอาหารจานด่วนจากร้านดังๆ ด้วย ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ผู้โดยสารสามารถสั่งอาหารผ่าน APP ของบริษัทรถไฟความเร็วสูงได้ด้วย มีทั้งบะหมี่เนื้อวัว ลูกชิ้นหัวสิงโต(狮子头) หมูพะโล้ เป็ดพะโล้ ฯลฯ ซึ่งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของท้องถิ่น กับข้าวร้อนๆ อร่อยๆ ทานบนรถไฟ เป็นเรื่องที่ผู้โดยสารเมือง 30 ปีก่อนไม่เคยฝันเลย