ดร.จู เลี่ยยู่ (Zhu Lieyu) สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ผู้อำนวยการสำนักทนายความกั๋วติ่งมณฑลกว่างตง ยื่น "ข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับแก้พื้นที่ห้องสุขาชาย-หญิงตามสัดส่วน 1 ต่อ 3 ในการสร้างห้องสุขาสาธารณะทั่วประเทศ" ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติชุดที่ 13 ครั้งที่ 1 ข้อเสนอฯ ดังกล่าว มีสาเหตุมาจากลักษณะทางสรีระและเหตุผลด้านอื่นๆ ที่ทำให้ผู้หญิงต้องใช้เวลาในห้องสุขานานกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด จากการตรวจสอบข้อมูลจำนวนมาก การคำนวณและการพิสูจน์ จึงเสนอให้ปรับเปลี่ยนอัตราส่วนของขนาดห้องสุขาชาย-หญิงเป็น 1 ต่อ 3
"ห้องน้ำชายโล่งโหรงเหรง ห้องน้ำหญิงคิวยาวเหยียด" เป็นภาพชวนอึดอัดที่พบเห็นบ่อยในห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
สาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้สัดส่วนห้องสุขาชาย-หญิงขาดความสมดุลนั้น คงมาจากความเข้าใจของผู้คนบางส่วนด้วย เช่น ความคิดที่ว่าชาย-หญิงต้องมีความเท่าเทียมกัน ห้องสุขาชาย-หญิงจึงต้องเท่าเทียมกัน ทั้งในแง่ของขนาดและจำนวนห้องด้านใน โดยไม่คำนึงถึงเรื่องความต่างทางสรีระ
ปัจจุบัน ชาวจีนมีคุณภาพความเป็นอยู่สูงขึ้นเรื่อยๆ การใช้ห้องสุขาจึงจัดเป็นดัชนีหนึ่งหรือเครื่องหมายหนึ่งในการชี้วัดระดับความสุขด้วย ดั่งที่ดร.จู เลี่ยยู่ สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติระบุ จำนวนห้องของห้องสุขาชาย-หญิงมีสัดส่วน 1 ต่อ 1 เป็นเวลานาน แม้บางพื้นที่ได้ปรับแก้เป็น 2 ต่อ 3 แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ
เรื่องห้องสุขาไม่ใช่เรื่องเล็ก ย้อนไปเมื่อเดือนเมษายนปี 2015 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนก็เคยให้แนวทางเกี่ยวกับ "การปฏิวัติห้องสุขา" ว่า "การปฏิวัติห้องสุขา" เป็นมาตรการที่แท้จริงในการยกระดับกิจการท่องเที่ยว ซึ่งควรดำเนินการอย่างจริงจังและไม่ย่อท้อ "การปฏิวัติห้องสุขา" เป็นส่วนสำคัญของการสร้างเมืองไปจนถึงชนบทที่ดี ไม่เพียงแต่ควรดำเนินการในแหล่งท่องเที่ยวและเขตเมืองเท่านั้น หากยังควรดำเนินการในเขตชนบทด้วย "การปฏิวัติห้องสุขา" เป็นมาตรการที่แท้จริงในการเดินหน้ายุทธศาสตร์สร้างความเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่ชนบท และพยายามยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ "การปฏิวัติห้องสุขา" ยังคือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การสร้างจีนที่มีสุขภาพดี (Healthy China) ตามที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ ซึ่งจะระดมกำลังทุกฝ่ายร่วมสร้างและให้คนทั้งหลายเข้าถึงกันได้อย่างถ้วนหน้า
ยุทธศาสตร์การสร้างจีนที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ กำหนดขึ้นโดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนขณะขึ้นกล่าวในที่ประชุมว่าด้วยสุขอนามัยและสุขภาพแห่งชาติจีนเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2016 จากนั้นในรายงานที่นายสี จิ้นผิงแถลงในการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 เมื่อเดือนตุลาคมปี 2017 ก็ได้ระบุว่า จะดำเนินยุทธศาสตร์การสร้างจีนที่สุขภาพดี โดยจะปรับนโยบายสุขอนามัยของประชาชนให้สมบูรณ์ขึ้น บริการด้านสุขภาพให้ประชาชนในทุกด้านและครบวงจร
สิ่งที่น่าสังเกตคือ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ หลายพื้นที่ในกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ นครฉงชิ่ง เมืองหังโจว และเมืองเสิ่นหยาง ได้ดำเนินโครงการนำร่อง "ห้องสุขาไม่แบ่งเพศ (Unisex)" ซึ่งให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ปกครองที่ต้องการพาทารกหรือเด็กเล็กไปใช้ห้องน้ำด้วย ห้องสุขาแบบนี้ จึงเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น
ส่วนประพฤติกรรมที่สร้างความรำคาญอย่างหนึ่งคือ การสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ซึ่งต้องรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ในห้องน้ำอย่างเด็ดขาด เพื่อสุขภาพของผู้คนทั้งหลาย
นอกจากนี้ "การปฏิวัติห้องสุขาในแหล่งท่องเที่ยว" เป็นอีกประเด็นร้อนเช่นกัน นายหลี่ จินจ่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนเคยระบุว่า จีนในฐานะประเทศใหญ่ที่รองรับนักท่องเที่ยวปีละกว่า 3,700 ล้านคน ห้องสุขาในแหล่งท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเสียงร้องร่วมกันของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย และเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย
จากความพยายามมาเป็นเวลาหลายปี "การปฏิวัติห้องสุขาในแหล่งท่องเที่ยว" ประสบผลคืบหน้าในระดับหนึ่ง สถิติระบุว่า จนถึงปี 2017 ห้องสุขาในแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงเส้นทางการท่องเที่ยว สถานีขนส่งมวลชน ภัตตาคาร สถานบันเทิง และถนนคนเดิน ล้วนได้มาตรฐานในเบื้องต้นแล้ว คือ ห้องน้ำสะอาด ทำให้สุขใจสบายท้อง
"การปฏิวัติห้องสุขา" การสร้าง "ห้องสุขาที่เพียงพอ สะอาดไร้กลิ่น ใช้บริการฟรี" เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น วัตถุประสงค์หลักยังคงอยู่ที่การใช้บริการที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยต่อการสร้างเสริมสุขภาพทางกายและจิตของผู้คนทั้งหลายให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เชื่อว่า พร้อมกับการดำเนินยุทธศาสตร์การสร้างจีนที่มีสุขภาพดี 2030 (Healthy China 2030) "การปฏิวัติห้องสุขา" จะประสบผลอันเป็นที่น่าพอใจแน่นอน
(TIM/LING)