นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอุตสาหกรรม และ ธุรกิจความร่วมมือเศรษฐกิจอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ ผ่านมา
นายหวัง อี้ กล่าวว่า ปีนี้เนื่องในโอกาสที่จีนปฏิรูปเปิดสู่ภายนอกครบ 40 ปี เป็นปีที่สืบทอดจากคนรุ่นก่อน ให้ความคิดชี้แนะแนวทางแก่คนรุ่นหลัง ในช่วง 40 ปีมานี้ การปฏิรูปเปิดประเทศสู่ภายนอกมีผลงานการพัฒนา ต่อไปจากนี้ การปฏิรูป และ เปิดประเทศสู่ภายนอกจะทำให้จีนมีการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นนโยบายของจีนที่กำหนดไว้แล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่ได้รับการรบกวนจากปัจจัยภายนอก การปฏิรูปประเทศเปิดสู่ภายนอกสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน และ จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน จีนจะถือโอกาสการปฏิรูปเปิดสู่ภายนอกครบ 40 ปีนี้ ร่วมกันพัฒนา "1 แถบ 1 เส้นทาง" เป็นจุดสำคัญ ไม่เพียงแต่ได้นำเข้ามา หากยังได้เดินออกไปด้วย มีการเปิดประเทศในทุกมิติทั้งความร่วมมือทางบก และ ทะเล ภายใน และ ภายนอก ทางทิศตะวันออก และ ตะวันตก จีนจะประกาศมาตรการเปิดประเทศสู่ภายนอกมากยิ่งขึ้นหลายประการ สร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี และผ่อนคลายยิ่งขึ้นให้แก่ธุรกิจต่างประเทศ
นายหวัง อี้ กล่าวเน้นว่า การเปิดประเทศเป็นการกระทำที่เปิดทั้งสองฝ่าย จีนได้เปิดประเทศไปสู่ประเทศอื่น ๆ โดยหวังว่าประเทศอื่นก็จะได้เปิดประเทศให้กับจีนด้วย ข้อขัดแย้ง และ ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นทางการค้าระหว่างประเทศเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าควรปรึกษาหารือกันอย่างเสมอภาค ยืนหยัดในกฎหมาย และ ข้อบังคับ แสวงหาวิธีแก้ไขที่สมเหตุสมผล การกระทำที่ปฏิบัติตามลำพังเพียงฝ่ายเดียว และ ลัทธิป้องกันทางการค้า ล้วนเป็นการถอยหลังทางประวัติศาสตร์ ไม่เพียงแต่ไม่มีทางอออก หากยังได้รับผลกระทบอันเลวร้ายอีกด้วย นายหวัง อี้กล่าวว่า จีนยินดีแบ่งปันโอกาสการพัฒนากับประเทศต่าง ๆ แต่การกระทำตามลัทธิป้องกันการค้านั้น เท่ากับว่าได้ปิดประตูไปสู่จีน ย่อมจะกรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง การเวลาจะพิสูจน์ให้เห็น ข้อเท็จจริงก็จะพิสูจน์ให้เห็นเช่นกัน
(Tim/zheng)