ขุนนางที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน ผู้กล้ากราบทูลจักรพรรดิอย่างตรงไปตรงมา (๒)
  2018-05-14 10:15:40  cri

ต่ง จ้งซู (董仲舒)

ต่ง จ้งซู เป็นนักคิด นักการเมือง และผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาของสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ผลงานที่ใหญ่ที่สุดของต่ง จ้งซู คือ เสนอให้จักรพรรดิฮั่นฮู่ตี้ส่งเสริมฐานะของลัทธิขงจื๊อให้เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาแนวความคิดสำคัญของจีน ทำให้แนวคิดของลัทธิขงจื๊อมีชื่อเสียงในหลายด้าน จนหลังจากที่เขาลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว จักรพรรดิยังสั่งให้คนไปขอความคิดเห็นจากเขาเมื่อเกิดเรื่องใหญ่ แสดงให้เห็นว่า จักรพรรดิทรงนับถือต่ง จ้งซู เป็นอย่างมาก

เมื่ออายุเพียง 30 ปี ต่ง จ้งซู เริ่มเปิดรับสมัครนักเรียน เวลาที่เขาสอน เขาจะแขวนผ้าขนาดใหญ่กั้นระหว่างตัวเขาและนักเรียน บางทียังให้นักเรียนที่เรียนเก่งมาช่วยสอนแทน ทำให้นักเรียนหลายคนแม้เรียนกับต่ง จ้งซู มาหลายปี แต่ก็ไม่ทราบว่าหน้าตาของครูเป็นเช่นไร การเรียนการสอนของต่ง จ้งซู ช่วยอบรมบุคลากรจำนวนมากให้แก่ราชวงศ์ฮั่น นักเรียนของเขาส่วนใหญ่เป็นขุนนางที่สำคัญของราชวงศ์ฮั่น บางที เขาก็ออกไปสอนยังต่างมณฑล ทำให้มีลูกศิษย์ในหลายพื้นที่ นักเรียนเมื่อเคยเรียนกับเขาแล้ว ก็จะเป็นครูและสอนนักเรียนคนอื่น ๆ ต่อไปอีก ทำให้ลูกศิษย์เพียงได้ยินชื่อของต่ง จ้งซู แต่ก็ไม่เคยพบต่ง จ้งซู ตัวจริง เขาทุ่มเทกำลังทั้งหมดให้กับการศึกษาและการเรียนการสอน จนไม่ได้กลับบ้านมา 3 ปี เนื่องจากเขามีนักเรียนจำนวนมาก และพยายามเผยแพร่แนวคิดลัทธิขงจื๊อ ทำให้เขามีชื่อเสียงมากจนเข้าไปทำงานในราชสำนัก

ครั้งหนึ่ง จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้สั่งให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศส่งนักปรัชญามาเข้าเฝ้า ต่ง จ้งซู จึงเข้าร่วมด้วย ฮั่นอู่ตี้ถามต่ง จ้งซู 3 คำถาม หนึ่งในนั้นเป็นคำถามเกี่ยวกับการส่งเสริมการปกครอง คำถามที่สอง เกี่ยวกับวิธีการบริหารประเทศ และ สามคือ ปัญหาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเทพเจ้าและมนุษย์ ต่ง จ้งซู ตอบได้อย่างละเอียดและรอบคอบ พร้อมเสนอให้ยกลัทธิขงจื๊อเป็นแนวคิดหลักของประเทศ

ต่อจากนั้นมา จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้จึงรับสั่งให้ต่ง จ้งซู ไปเป็นผู้ช่วยของหลิว เฟย (刘非) เชษฐาของจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ที่เมืองเจียงตู (江都) หลิว เฟย เป็นคนพาล รู้จักเพียงแต่ใช้กำลังอาวุธ แต่เนื่องจากต่ง จ้งซู เป็นนักปรัชญาที่มีชื่อเสียง จึงนับถือต่ง จ้งซูมาก พร้อมหวังว่า ต่ง จ้งซู จะสามารถช่วยให้เขาชิงราชบัลลังก์ได้ แต่ต่ง จ้งซู เตือนหลิว เฟยว่า ต้องปฏิบัติตัวให้ดีก่อน ต้องมองไกล อย่าเห็นเพียงประโยชน์ที่อยู่ใกล้ การใช้กลยุทธ์ชิงอำนาจจะทำให้เสียชื่อและถูกคนรุ่นหลังรำคาญ

ผลงานที่ใหญ่ที่สุดของต่ง จ้งซู คือ ส่งเสริมการพัฒนาของลัทธิขงจื๊อและเสนอแนวคิด "สร้างเอกภาพ" ในสมัยต้นราชวงศ์ฮั่น จักรพรรดิฮั่นเกาจู่ (汉高祖) ไม่ทรงโปรดลัทธิขงจื๊อ จึงทำให้ลัทธิขงจื๊อถูกปราบจนเกือบไม่เหลือคนเรียน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมลัทธิเต๋าแทน การบริหารประเทศตามแนวคิด "อู๋เหวย" (无为) ซึ่งหมายถึง ทำตามธรรมชาติ ไม่มุ่งผลประโยชน์ จักรพรรดิให้สิทธิประชาชนใช้ชีวิตและทำงาน กระตุ้นความสามารถของประชาชน แนวคิดนี้ทำให้เศรษฐกิจพัฒนาได้เร็วมาก แต่เมื่อถึงกลางราชวงศ์ฮั่น เจ้าของเมืองต่าง ๆ มีอำนาจและกำลังอาวุธมาก จนเป็นภัยคุกคามต่อจักรพรรดิ แนวคิด "อู๋เหวย" จึงไม่เหมาะสมกับสภาพที่เป็นจริงในช่วงนั้น ต่ง จ้งซู จึงเห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องส่งเสริมอำนาจของรัฐบาลกลางและสร้างความเป็นเอกภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าของเมืองต่าง ๆ แยกตัวออกเป็นประเทศ

ต่ง จ้งซู เสนอว่า ไม่เพียงแต่ต้องสร้างความเป็นเอกภาพทางการเมือง ยังต้องสร้างความเป็นเอกภาพทางความคิด ฉะนั้น ควรยกลัทธิขงจื๊อเป็นแนวคิดหลัก และไม่ให้แนวคิดอื่น ๆ พัฒนาได้ต่อไป เพราะศาสนาและปราชญาขนาดเล็กอื่น ๆ ไม่สามารถทำให้ประชาชนพ้นจากความงมงาย แต่ลัทธิขงจื๊อทำให้รู้ว่าควรใช้วิธีอย่างไรสั่งสอนในการลูกหลาน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว กฎหมายและระบอบของประเทศจึงจะมีฐานะสูงขึ้นและแสดงบทบาท ส่งเสริมความเป็นเอกภาพทางการเมือง นำไปสู่การทำให้ประเทศมีความมั่นคง และสันติภาพอย่างยั่งยืน จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้จึงทรงเห็นด้วย และยกให้ลัทธิขงจื๊อเป็นแนวคิดสูงสุดของประเทศ ทำให้ลัทธิขงจื๊อได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และยังมีผลต่อประชาชนจีนอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ต่ง จ้งซู ยังเสนอว่า เทพเจ้าทราบว่าจักรพรรดิได้ทำอะไรบ้าง จักรพรรดิควรบริหารประเทศด้วยกฎหมายและคุณธรรม สร้างประโยชน์แก่ประชาชน เขาเห็นว่า ภัยธรรมชาติมีแหล่งมาจากความทุจริตทางการเมือง เมื่อจักรพรรดิมีความผิดพลาด เทพเจ้าก็จะก่อภัยธรรมชาติเพื่อเตือนจักรพรรดิ เมื่อทำเช่นนี้แล้วจักรพรรดิยังไม่แก้ไขความผิดพลาด เทพเจ้าก็จะลงโทษ ทำให้จักรพรรดิสูญเสียอำนาจของตัวเอง

สาเหตุที่เขาเสนอไปเช่นนั้น คือ ในสมัยโบราณ ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ยังอยู่ในระดับต่ำ ประชาชนเชื่อถือเทพเจ้า ต่ง จ้งซู จึงใช้ "เทพเจ้า" มาคานการใช้อำนาจของจักรพรรดิ เพื่อไม่ให้กระทำตามใจ โดยเขายกตัวอย่างว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงใช้อำนาจอย่างตามใจ ทำให้ประชาชน โดยเฉพาะชาวนาไม่พอใจ และก่อการปฏิวัติ

ทางด้านการบริหารประเทศ ต่ง จ้งซู เสนอให้บริหารด้วยคุณธรรม ให้ความสำคัญกับการสั่งสอน ไม่ใช่การลงโทษ เพราะจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้เป็นคนที่เข้มงวด มักใช้วิธีทรมานในการปกครองประเทศ ทำให้ประชาชนประสบกับความทุกข์อย่างมาก เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของสังคม ต่ง จ้งซู เห็นว่า ต้องลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน แก้ไขข้อขัดแย้งต่าง ๆ ในสังคม โดยเสนอให้จักรพรรดิจำกัดที่ดินส่วนตัวของเศรษฐี ไม่ให้ขุนนางแย่งชิงประโยชน์จากประชาชน ประชาชนเองจึงจะสามารถทำการค้าของตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีการลดภาษี และประหยัดกำลังของประชาชน ทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ข้อเสนอเหล่านี้ได้จำกัดอิทธิพลของเศรษฐี ทำให้ความขัดแย้งระหว่างเศรษฐีและชาวนาคลี่คลายลงไป หลีกเลี่ยงการปฏิวัติ เขาเสนอให้ใช้วิธีการสั่งสอนแทนวิธีทรมานกับผู้กระทำผิด

ต่อมา จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้รับสั่งให้ต่ง จ้งซู เป็นผู้ช่วยของพระเชษฐาอีกคนหนึ่ง ชื่อ "หลิวตวน" (刘端) หลิวตวนเป็นคนโหดร้าย เคยฆ่าผู้ช่วยหลายคน แต่เนื่องจากต่ง จ้งซู เป็นนักปรัชญาที่มีชื่อเสียง หลิว ตวนจึงค่อนข้างเคารพ แต่ต่ง จ้งซู ต้องระมัดระวัง ไม่ทราบว่าอะไรจะทำให้หลิวตวนโกรธ และฆ่าตัวเขาเอง

4 ปีผ่านไป ต่ง จ้งซูจึงลาจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุมากและสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี เขาไม่สนใจการเมืองอีก ได้แต่อ่านหนังสือ และเขียนหนังสือ แม้ว่าเขาลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่เมื่อราชสำนักมีเรื่องใหญ่ จักรพรรดิก็จะส่งคนไปขอความเห็นจากเขา

ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์เห็นว่า ต่ง จ้งซู เป็นผู้ที่มีความสำคัญมากในหลายด้าน หนึ่ง คือ ด้านการบริหารประเทศ คลี่คลายความขัดแย้งสำคัญในสังคม ซึ่งก็คือความขัดแย้งระหว่างเศรษฐีกับชาวนา พร้อมปฏิเสธวิธีใช้กำลังอาวุธในการบริหารประเทศ แต่เสนอให้ใช้คุณธรรมแทน สอง คือ หยุดสนับสนุนการเผยแพร่ลัทธิเต๋า แม้ว่าแนวคิด "อู๋เหวย" จะช่วยให้เศรษฐกิจราชวงศ์ฮั่นพัฒนาเจริญรุ่งเรือง แต่ในสังคมศักดินา การปล่อยให้ประชาชนพัฒนาด้วยตนเองจะทำให้เศรษฐีแย่งชิงทรัพย์สินและที่ดินของประชาชน ต่ง จ้งซู จึงเสนอให้ส่งเสริมความคิดลัทธิขงจื๊อ และส่งเสริมอำนาจของรัฐบาลกลาง ทำให้ลัทธิขงจื๊อเป็นแนวคิดหลักของราชวงศ์ฮั่น ถือเป็นยุคสมัยที่ลัทธิขงจื๊อได้พัฒนาเจริญขึ้นไปอีกขั้นหลังจากสมัยของขงจื๊อ

ทั้งต่ง จ้งซู และเว่ย เจิง เป็นขุนนางที่มีชื่อเสียงมากในสมัยโบราณของจีน ทั้งสองกล้าเสนอข้อเสนออย่างตรงไปตรงมาต่อจักรพรรดิ จริง ๆ แล้ว ทุกราชวงศ์ล้วนมีขุนนางที่ซื่อตรง แต่สองคนนี้มีความสำคัญมากที่สุดทางประวัติศาสตร์ มีผลต่อสังคมและแนวคิดของชาวจีนมาจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้ชาวจีนปัจจุบันต่างชื่นชมและนับถือ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ทั้งจักรพรรดิถังไท่จงและจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ทรงเป็นคนที่เปิดกว้าง ทรงรับฟังคำแนะนำที่ถูกต้อง จึงทำให้ราชวงศ์ถังและราชวงศ์ฮั่นเป็นยุคสมัยที่มีเข้มแข็งและมีความเจริญรุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ของจีน

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040