คืนวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศแถลงการณ์อีกครั้งว่า บนพื้นฐานรายชื่อสินค้าที่จะเก็บภาษี 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น จะคุกคามอีกถึงการจะเก็บภาษีร้อยละ 10 ต่อสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้ "การกระทำของจีนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงและจัดซื้อสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยี"

ต่อการนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศคำกล่าวและวิพากษ์วิจารณ์ต่อ "การกระทำที่สร้างแรงกดดันและข่มขู่ของสหรัฐฯ ดังกล่าวนี้ ได้ถือเป็นการฝ่าฝืนความเข้าใจร่วมกันที่ได้พูดคุยและตกลงกันหลายครั้งระหว่างทั้งสองฝ่าย ทำให้จีนรู้สึกผิดหวัง ถ้าสหรัฐฯ ขาดหลักการและเหตุผล จีนก็จำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ"

จาก 50,000 ล้านเป็น 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากแถลงการณ์ทำเนียบขาวที่ระบุว่า "ถ้าจีนเพิ่มภาษีศุลกากรอีกครั้ง สหรัฐฯ ก็จะเก็บภาษีรายการสินค้าจีนอื่นอีกที่เป็นรวมมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ" สรุปแล้ว จนถึงปัจจุบัน ยอดสินค้าจีนที่สหรัฐฯ ข่มขู่ว่าจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นเป็น 450,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว

การกระทำแบบ "ลัทธิก่อการร้ายทางการค้า" นี้ไม่สามารถช่วยสหรัฐฯ ได้ มีแต่จะทำลายการโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ ระบบการค้าแบบพหุภาคี และห่วงโซ่กิจการทั่วโลกอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุนี้ จีนได้แสดงท่าทีอย่างชัดแจ้งตั้งแต่แรกว่า "ต้องรักษาและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศจีน ต้องรักษาและปกป้องระบบการค้าแบบพหุภาคีและโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจ"

ที่ควรเห็นได้ชัดคือ ท่ามกลางการต่อสู้ทางการค้าครั้งใหญ่ที่สหรัฐฯ ได้วางแผนอย่างตั้งอกตั้งใจและมีเจตนามานานแล้วนี้ จีนเป็นคู่ปรับที่แข็งแกร่งรายแรก ถ้าจีนยอมถอยหลัง คู่ค้ารายอื่นๆ ของสหรัฐฯ ก็คงไม่มีใครรอดพ้นไปได้ แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือ มีประเทศจำนวนมากยิ่งขึ้นได้มองเห็นธาตุแท้และเจตนาของ "ลัทธิก่อการร้ายทางการค้า" สหรัฐฯ แม้นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธ์มิตรแท้ของสหรัฐฯ ในเอเชียก็กล่าวว่า "ยากที่จะเข้าใจและไม่อาจยอมรับได้" เรียกร้องให้สหรัฐฯ ใช้มาตรการทางการค้าที่สอดคล้องกับข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก ขณะนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับการกระทำของสหรัฐฯ ประชาคมโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันต่อต้าน ใช้ท่าทีและมาตรการที่ไม่ยอมถอยหลัง เอาชนะ "สงครามต่อต้านการก่อการร้าย" ทางการค้าครั้งนี้ร่วมกัน

(Yim/zheng)