การปีนเขาเอเวอร์เรสต์ครั้งที่ 2 ของเซี่ย โป๋อวี๋ ห่างจากครั้งที่ 1 นานถึง 40 ปี ในปี ค.ศ. 2014 หลังจากที่เขาเตรียมตัวเองพร้อมแล้ว และเดินทางไปถึงเบสแคมป์ฝั่งเนปาล เพื่อปีนเขาเอเวอร์เรสต์ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินข่าวเกิดเหตุหิมะถล่มครั้งประวัติศาสตร์ของเนปาล ทำให้รัฐบาลเนปาลได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมปีนเขาทั้งหมดตลอดทั้งปี หนึ่งปีผ่านไป ปี ค.ศ. 2015 เซี่ย โป๋อวี๋ได้เดินทางไปยังเบสแคมป์เพื่อเริ่มปีนเขาอีกครั้ง แต่กลับเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงถึง 8.1 แมกนิจูด ทำให้เซี่ย โป๋อวี๋ พลาดความฝันของเขาไปเป็นครั้งที่ 3 ต่อมาปี ค.ศ. 2016 เซี่ย โป๋อวี๋ ได้เดินทางไปต่อสู้กับความฝันของตัวเองเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งในครั้งนี้ เซี่ย โป๋อวี๋ มีความรู้สึกว่าทั้งร่างกายและจิตใจของตัวเองดีพอสมควร และน่าจะประสบความสำเร็จ ขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่านี่น่าจะเป็นการปีนเขาครั้งสุดท้ายของเซี่ย โป๋อวี๋ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น เซี่ย โป๋อวี๋ ปีนเขาไปตามแผนและรักษาหวังหวะได้อย่างดี ความฝันของเขาค่อย ๆ เข้าใกล้ความจริงไปทุกก้าว ในขณะที่เขาห่างจากยอดเขาเพียง 94 เมตร เซี่ย โป๋อวี๋ ได้นึกในใจว่า อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เขาก็จะถึงเป้าหมายปลายทาง แต่ทันใดนั้นเกิดพายุหิมะพัดมาอย่างรุนแรง ในเวลานั้น เซี่ย โป๋อวี๋ อยากกัดฟันสู้ต่อไป เพราะหากพลาดโอกาสครั้งนี้ เขาก็อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว แต่ขณะเดียวกัน เขายังมีผู้ช่วยนำทางชาวเชอร์ปาอีก 5 คน นายเซี่ยคิดว่า ผู้นำทาง 5 คนนี้ต่างคนมีอายุยังไม่ถึง 30 ปี ทุกคนย่อมเป็นเสาหลักของครอบครัว เขาไม่ควรนำชีวิตและความสุขของครอบครัวผู้อื่นไปเสี่ยง เพื่อความฝันของตัวเอง ดังนั้น เขาจึงรีบตัดสินใจถอนตัวลงจากบริเวณที่ห่างจากยอดเขาเอเวอเรสต์เพียงไม่ถึงร้อยเมตร
เดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2017 เซี่ย โป๋อวี๋ ได้ยื่นข้อมูลสำหรับขอปีนเขาเอเวอร์เรสต์เป็นครั้งที่ 5 สิ่งที่คาดไม่ถึง คือ วันแรกของปี 2018 รัฐบาลเนปาลได้ประกาศกฎหมายไม่อนุญาตให้คนพิการมีสิทธิในการปีนเขาเอเวอเรสต์สำหรับคนที่พิการแขนหรือขาทั้งสองข้าง รวมทั้งคนตาบอด เพื่อลดอุบัติเหตุให้น้อยลง กฎหมายฉบับนี้ ทำให้องค์กรพิทักษ์สิทธิผู้พิการออกมาต่อต้านอย่างหนักเพราะถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ และนายเซี่ย โป๋อวี๋ได้ยื่นฟ้องไปถึงศาล เพื่อเรียกร้องสิทธิ และโอกาสในการกลับไปปีนเขาของตัวเอง องค์กรพิทักษ์สิทธิผู้พิการและ เซี่ย โป๋อวี๋ได้ใช้ความพยายามเป็นเวลากว่า 3 เดือน จนในที่สุด ศาลสูงสุดของเนปาลได้ตัดสินยกเลิกกฎห้ามผู้พิการแขนหรือขาทั้งสองข้าง และผู้พิการทางสายตาดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้พิการ
ความหวังของเซี่ย โป๋อวี๋ กลับมาอีกครั้ง เขาไม่ต้องคอยอะไรอีกแล้ว จึงรีบเตรียมทุกสิ่งทุกอย่าง ขอใบอนุญาตปีนเขา เตรียมอุปกรณ์การปีนเขา และเดินทางถึงเบสแคมป์ เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อปรับสภาพร่างการ ฝึกซ้อม และคอยช่วงที่อากาศเปิดสำหรับการปีนเขาเอเวอเรสต์ วันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เซี่ย โป๋อวี๋ และทีมของเขา ได้เริ่มเดินทางจากเบสแคมป์ จนไปถึงแคมป์ C1 เพื่อปรับร่างกายให้เข้ากับความสูง และคอยช่วงอากาศเปิดอีกครั้ง เนื่องจากดินฟ้าอากาศในบริเวณเทือกเขาเอเวอเรสต์แปรปรวนอย่างมาก ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการปีนไปยังยอดเขานั้นสั้นมาก ต้องใช้เวลาปีนสู่ยอดเขาไม่เกิน 5 วัน แล้วรีบกลับลงมาถึงจะลดความเสี่ยงได้ วันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เซี่ย โป๋อวี๋ ได้ไปถึงแคมป์ C2 และพบพายุหิมะค่อนข้างหนักอีกครั้งหนึ่ง วันถัดมา 10 พฤษภาคม เขาใช้เวลา 8 ชั่วโมงปีนเขา ไปถึง แคมป์ C3 ที่อยู่ระดับเหนือน้ำทะเล 7,100 เมตร และก็ได้พบกับพายุหิมะอีกครั้ง วันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เซี่ย โป๋อวี๋ได้ไปถึงแคมป์ C4 และได้พักผ่อนคอยเวลาที่เหมาะสมเป็นเวลา 2 วัน จากนั้นจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เซี่ย โป๋อวี๋ได้ไปถึงแคมป์ C5 ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,400 เมตร (แคมป์ C5 เป็นแคมป์พิเศษ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เซี่ย โป๋อวี๋สามารถพักผ่อนร่างกายได้ ) เช้าตรู่วันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายเซี่ย โป๋อวี๋ ออกจากแคมป์ C5 ที่ห่างจากยอดเขาเพียง 4 ร้อยกว่าเมตร ค่อย ๆ ปีนขึ้นไปสู่ความฝันของตัวเองที่มาพยายามมาตลอด 43 ปี ในที่สุด เวลา 08.26 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นของเนปาล เซี่ย โป๋อวี๋ นักปีนเขาไร้ขาสองข้างชาวจีน วัย 69 ปี สามารถพิชิตยอดเขาที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 8,848.43 เมตร และมีโอกาสได้ยืนบนจุดสูงสุดของโลกใบนี้จนได้
(Tim/Zi)