วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้แทนทางการค้าของสหรัฐฯ ประกาศว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้พิจารณาเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่ม มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอัตราภาษีศุลกากรจะเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปัจจุบันเป็น 25%
กระทรวงพาณิชย์ของจีน ระบุต่อเรื่องนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนผลประโยชน์ของเกษตรกร นักธุรกิจ และผู้บริโภคในสหรัฐฯ ใช้กลวิธีทั้งอ่อนข้อและแข็งข้อต่อจีน การกระทำเช่นนี้จะไม่เกิดผลใด ๆ ต่อจีน อีกทั้งยังเป็นการทำให้ประเทศและภูมิภาคที่คัดค้านสงครามการค้ารู้สึกผิดหวังต่อสหรัฐฯ อีกด้วย
ตั้งแต่สหรัฐฯ ก่อสงครามการค้ากับจีน ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม เป็นต้นมา รัฐบาลทรัมป์ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ตลอดระยะเวลากว่า 4 เดือน สหรัฐฯ คงตระหนักว่า จีนไม่เหมือนกับคู่ปฏิปักษ์ที่สหรัฐฯ เคยกดดันและข่มขู่ จีนมีความเหนือกว่าทั้งด้านเวลา ภูมิประเทศ อีกทั้งยังความกลมกลืนกับมิตรประเทศ ส่วนรัฐบาลทรัมป์ได้ก่อสงครามการค้าโดยลำพังฝ่ายเดียว เป็นการทำลายผลประโยชน์ของประชาชนสหรัฐฯ จึงได้รับแรงกดดันจากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก เนื่องจากสหรัฐฯ ปราศจากวิธีการแก้ไขที่ดี จึงใช้การข่มขู่จีนมากยิ่งขึ้น
หากว่าสหรัฐฯ ยังคงกดดันจีนอย่างต่อเนื่อง รุกรานสิทธิประโยชน์ของจีน และประชาชนจีนต่อไป จีนย่อมจะใช้มาตรการตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เพื่อป้องกันตัวเองอย่างชอบด้วยกฎหมายและชอบธรรม
อย่างไรก็ตาม จีนเสนอให้แก้ข้อพิพาทด้วยวิธีการปรึกษาหารือกันมาโดยตลอด แต่เงื่อนไขของการปรึกษาหารือกัน คือ ปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน และยึดถือคำมั่น
(Tim/Zhou/Zhou)