ทุกวันนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองนับวันมีความเคารพต่อความต้องการของลูกๆ มากขึ้น ก่อนจัดทำแผนชีวิตในช่วงปิดเทอม คอร์สอะไรให้เรียนเหมาะที่สุด ขึ้นอยู่กับความสนใจของลูกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ถ้าบังคับให้เรียนผลตอบรับก็คงไม่ดี อย่างไรก็ตาม วิธีการบ่มเพาะความสนใจ และกระบวนการสร้างความสนุกสนาน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็กอายุน้อย

คุณแม่ของเด็กหญิง ป.1 ที่มีชื่อเล่นว่า เสี่ยวผิงกั่ว ก็สอบถามความคิดเห็นของลูกเล็กก่อน จึงส่งลูกไปเรียนคอร์สคณิตศาสตร์โอลิมปิค กับคอร์สอังกฤษเบื้องต้น ทั้งๆ ที่ปกติเด็กหญิงคนนี้เรียนเปียโนกับเต้นรำเป็นพิเศษอยู่แล้ว เสี่ยวผิงกั่วมองว่า ชั่วโมงเรียนคณิตศาสตร์โอลิมปิคกับอังกฤษในองค์กรการศึกษาเอกชน มีบรรยากาศผ่อนคลาย เนื้อหาก็สนุกสนานกว่า ที่สำคัญได้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วย ช่วงพักเรียนครูประจำชั้นจะซื้อขนมอร่อยให้กินด้วย ดังนั้น การเรียนคอร์สพิเศษสำหรับเด็ก ป.1 จึงไม่เป็นภาระหนักเท่าที่คิด

คุณแม่ของเสี่ยวผิงกั่วบอกว่า ยุคสมัยที่ตนเองเป็นเด็กอยู่ สังคมจีนยังเจริญไม่พอ ที่จะจัดให้นักเรียนเรียนศิลปะการแสดง เด็กรุ่นนั้นๆ ไม่เก่งทั้งวาดภาพ ร้องเพลงและเต้นรำ ขณะนี้ พอตนเองมีลูกแล้ว ก็อยากให้ลูกเรียนวาดเขียน ร่ายรำเป็นงานอดิเรก ถ้าสามารถช่วยพัฒนาความสามารถแต่เนิ่นๆ ก็ยิ่งดี ในเมื่อลูกมีงานอดิเรกมากขึ้นแล้ว ชีวิตของลูกก็จะมีสีสันมากขึ้น

คนจีนมีสำนวนด้านการศึกษาที่คุ้นหูกับทุกคนว่า "อ่านหนังสือหมื่นเล่ม และเดินทางหมื่นลี้" ซึ่งกำลังกลายเป็นแนวคิดใหม่ในการบ่มเพาะลูกหลานให้เป็นบุคลากรที่มีความสามารถของผู้ปกครองจำนวนมาก ตามตัวเลขสถิติที่ยังไม่สมบูรณ์ โครงการรับนักเรียนจีนไปทัศนะศึกษาในต่างประเทศในช่วงปิดเทอมนั้น นับวันเป็นที่นิยมชมชอบมากยิ่งขึ้นในเมืองที่มีเศรษฐกิจที่เจริญของจีน โดยยอดรายได้จากโครงการประเภทนี้เติบโตปีละมากกว่า 20% ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กิจกรรมให้เด็กนักเรียนสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ทยอยกันปรากฏขึ้นมาในท้องที่ต่างๆ ของจีน ถ้าดูจากอินเตอร์เน็ต จำนวนการค้นหา ค่ายพักร้อนต่างๆ นานา ที่ดึงดูดสายตาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เช่น ค่ายเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ค่ายสร้างหุ่นยนตร์อัจฉริยะ ค่ายสร้างผลงานนวัตกรรม ค่ายบุกเบิกสมอง ฯลฯ มักจะถูกแย่งจองจากผู้ปกครองหมดในช่วงเวลาก่อนปิดเทอมล่วงหน้าครึ่งปี

แน่นอนอยู่แล้วที่ค่าใช้จ่ายการเรียนคอร์สพิเศษ การร่วมค่ายพักร้อน และการเดินทางไปทัศนะศึกษาในต่างประเทศ และอื่น ๆ ย่อมไม่ถูกสำหรับครอบครัวทั่วไป เช่นนครเซี่ยงไฮ้เป็นตัวอย่าง ค่าเรียนคอร์สเพิ่มจากโรงเรียนติวเอกชนแต่ละชั่วโมงไม่ต่ำกว่า 200 หยวน ถ้าเป็นแบบสอนพิเศษในลักษณะ "ครูหนึ่งคนสอนนักเรียนหนึ่งคน" หรือ "ครูหนึ่งคนสอนเด็ก 3 คน" ค่าเรียนต่อหนึ่งชั่วโมงจะอยู่ระหว่าง 500 – 1,000 หยวน

คุณเฉิน คุณแม่ของเด็กประถมคนหนึ่งบอกว่า ลูกสาวเธอเรียนเพิ่มทั้งภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษจากโรงเรียนติวโรงเรียนเดียว โดยจะเรียน 10 วันในเดือนกรกฎาคม เรียนวันละ 3 ชั่วโมง และจะเรียน 10 วันต่อในเดือนสิงหาคมเป็นวันละ 1 ชั่วโมง ตารางเท่านี้ก็ต้องเสียค่าเรียนกว่า 6,000 หยวน ถึงแม้จ่ายค่าเรียนก่อนมากพอสมควร แต่คุณเฉินก็ไม่ได้มั่นใจ 100% ว่าคุ้มค่าหรือไม่ เธอบอกว่า สาเหตุที่เธอเลือกโรงเรียนนี้ให้ลูกก็เพราะมีคนแนะนำว่าสอนดี สังคมปัจจุบันมีองค์กรสอนพิเศษมากมาย คุณสมบัติการจัดการสอนกับคุณภาพของครูรับจ้างของโรงเรียนสอนพิเศษเอกชนเหล่านี้ ย่อมสูงต่ำไม่เท่ากัน ต่อให้โรงเรียนนี้คิดแพงและสอนดี แต่วิธีการสอนของเขาอาจจะไม่เหมาะสมกับสไตล์การเรียนของลูกตัวเองก็เป็นไปได้ ถ้าไม่ยอมจ่ายสตางค์ให้ลูกเรียนก่อนก็พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ได้ผลโรงเรียนก็ไม่คืนเงินให้

ส่วนคุณแม่ของเด็กหญิงเสี่ยวสีว์ที่หลงรักประวัติศาสตร์กับวัฒนธรรมก็ได้คำนวณค่าใช้จ่ายร่วมกิจกรรมของลูกสาวช่วงปิดเทอมหน้าร้อนดังนี้ โครงการสำรวจเมืองโบราณที่เมืองซีอาน ร่วมตั๋วเครื่องบินแล้วอยู่ที่ 16,000 หยวน ถัดไป การเรียนคณิตศาสตร์เพิ่มในลักษณะ "ครูหนึ่งคนสอนเด็ก 3 คน" ต่อเนื่องกัน 20 วันต้องจ่ายค่าเรียนอีก 8,000 หยวน ต่อจากนั้น เรียนคอร์สอ่านหนังสือภาษาอังกฤษต้นฉบับต่อเนื่องกันอีก 2 สัปดาห์ วันละ 3 ชั่วโมง ค่าเรียนอีก 6,000 หยวน สรุปว่าเฉพาะลูกสาวเธอคนเดียว ค่าใช้จ่ายช่วงปิดเทอมนี้ก็ไม่ต่ำกว่า 30,000 หยวน

สำหรับครอบครัวจีนส่วนใหญ่ การลงทุนให้เด็กเรียนคอร์สพิเศษถือเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของค่าใช้จ่ายช่วงปิดเทอม แต่ถ้าตัดสินใจร่วมกิจกรรมค่ายพักร้อนในประเด็นต่างๆ หรือเดินทางไปทัศนะศึกษาในต่างประเทศ ยิ่งต้องจ่ายแพงกว่า โดยค่ายพักร้อนทั่วไปที่จัดเป็นเวลา 1 อาทิตย์นิยมเก็บเงิน 3,000 – 5,000 หยวน ในขณะที่โครงการเดินทางไปทัศนะศึกษาในต่างประเทศมักจะสูงถึงหลายหมื่นหยวน

เฮ่าเฮ่าเป็นเด็กชาย ป.3 ที่ชอบเตะฟุตบอลมาก ทุกช่วยปิดเทอมจะต้องร่วมค่ายฟุตบอลเพื่อพัฒนาทักษะทั้งในและนอกประเทศ คุณแม่ของเฮ่าเฮ่าบอกว่า ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนปีนี้ เฮ่าเฮ่าต้องเข้าร่วมค่ายฝึกซ้อม 2 ค่าย ทั้งที่ญี่ปุ่นและในเมืองจีนเอง ค่าใช้จ่ายของ 2 ค่ายฟุตบอลนี้รวมแล้วทะลุ 20,000 หยวน

เกี่ยวกับกำหนดการอันหน้าแน่นของเด็กนักเรียนจีนในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน มีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาไม่น้อยแสดงความเห็นร่วมกันว่า การจัดกำหนดการอันหลากหลายให้กับเด็กนักเรียนในช่วงปิดเทอม ทำให้พวกเขาเพิ่มเติมวิชาความรู้และประสบการณ์นั้น เป็นวิสัยทัศน์ที่น่าชื่นชมของพ่อแม่ผู้ปกครอง แต่ที่สำคัญคือ เรียนเพิ่มหรือร่วมกิจกรรมอะไรนั้น ควรพิจารณาถึงความสนใจของเด็กเอง และต้องระมัดระวังอย่าจัดให้แน่นเกินไป พยายามไม่ให้เด็กรู้สึกกดดัน

อีกปัจจัยสำคัญก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายเพื่อเรียนเพิ่มหรือร่วมกิจกรรม ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า แต่ละครอบครัวควรพิจารณาฐานะทางเศรษฐกิจของตนเอง ไม่ใช่ไปตามทางเลือกหรือข้อเสนอของคนอื่นเขา วิธีการสอนของคอร์สที่เก็บแพงอาจจะไม่เหมาะกับลูกของตนเองก็เป็นไปได้ จึงแนะนำไปให้ร่วมฟังตัวอย่างคอร์สที่ให้เด็กไปฟรีก่อน แล้วค่อยตัดสินใจจ่ายเงินเรียนหรือไม่ บรรดาผู้เชี่ยวชาญเน้นเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคอร์สเรียนพิเศษหรือโครงการทัศนะศึกษาในต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายสูงอันสูงลิ่ว สิ่งที่เด็กนักเรียนทั่วไปต้องการมากยิ่งขึ้นคือ ความรักความเอาใจใส่ และความอยู่เป็นเพื่อนกันของพ่อแม่และสมาชิกครอบครัว