วันที่ 1 เมษายน ปี 2017 คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และคณะรัฐมนตรีจีนออกประกาศตั้งเขตเมืองใหม่สงอันในมณฑลเหอเป่ยอย่างเป็นทางการ รัฐบาลกลางย้ำหลายครั้งว่า เขตเมืองใหม่สงอันจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษระดับชาติแห่งที่ 3 หลังจากตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น และเขตเมืองใหม่ผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ การสร้างสรรค์ของเขตสงอัน นับเป็น "ยุทธศาสตร์พันปี" และ "งานใหญ่ของชาติ"
ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนก็ได้กำหนดภารกิจสำคัญในการสร้างสรรค์ของเขตเมืองใหม่สงอัน 7 ประการ โดยประการแรกก็คือ ต้องสร้างเป็นเมืองใหม่อัจฉริยะสีเขียวที่อยู่ระดับแนวหน้าของโลก ถึงปัจจุบัน อภิมหาโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว การสร้างสรรค์เมืองใหม่อัจฉริยะสีเขียวนั้นก็ได้รับความคืบหน้าไม่น้อย ผลงานที่โดดเด่นก็คือ ศูนย์บริการพลเมืองเขตสงอัน ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างแล้วเสร็จแห่งแรกหลังจากเขตเมืองใหม่นี้จัดตั้งขึ้น
สิ่งที่น่าสังเกตที่สุดของการสร้างสรรค์เขตเมืองใหม่สงอันประเด็นหนึ่งคือ เน้นการคมนาคมแบบสีเขียว เรื่องนี้จึงได้รับการปฏิบัติในศูนย์บริการพลเมืองเขตสงอันอย่างเต็มที่ เมื่อเร็วๆนี้ ผู้ที่ทำงานในศูนย์บริการดังกล่าวได้สังเกตเห็นว่า มีการเปิดตัวจักรยานแชร์ใช้ ซึ่งติดตัวหนังสือ "สงอัน" จอดวางไว้ที่ลานจอดรถในศูนย์บริการดังกล่าว นี่เป็นหนึ่งในมาตรการใหม่ ซึ่งให้ความสะดวกแก่พลเมืองสงอันตามแผนการคมนาคมแบบสีเขียว
ในเขตเมืองใหม่สงอัน การเดินทางแบบสีเขียวกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่นนี้ เช่นเดียวกับมาตรการการปฏิรูปต่างๆในอดีต การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก็ได้ผ่านกระบวนการจากที่ไม่ชินและไม่ยอมรับจนถึงการปรับตัวให้ชินและสนับสนุน นางหลี่ หง ผู้ทำงานในศูนย์บริการพลเมืองสงอันบอกเล่าว่า ชาวสงอันกำลังเปลี่ยนแนวคิดและปรับตัวให้ชินกับสิ่งใหม่ๆอย่างแข็งขัน การเดินทางแบบสีเขียวเป็นเรื่องดี แต่ยังเป็นสิ่งที่เกิดใหม่ในพื้นที่นี้ พลเมืองต้องใช้เวลาอีกหน่อยเพื่อให้ชินกับเรื่องนี้ ขณะที่ผู้ก่อสร้างต้องปรับและยกระดับคุณภาพบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต้องมีความอดทน
ตามกรอบการวางแผนเขตเมืองใหม่สงอัน มณฑลเหอเป่ย เขตสงอันจะพัฒนาการเดินทางแบบสีเขียว ซึ่งประกอบด้วย "รถเมล์+จักรยาน+เดินเท้า" โดยตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุการใช้ระบบขนส่งมวลชนในการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นสัดส่วน 80% ในที่สุด
นายเจ้า เผิงหลิน ที่ปรึกษาพิเศษเขตเมืองใหม่สงอัน รองผู้กำกับสำนักงานกำกับการก่อสร้างระบบขนส่งทางรางเมืองเซินเจิ้นกล่าวว่า ถึงปัจจุบัน ในทั่วโลกยังไม่มีเมืองใดบรรลุมาตรฐานดังกล่าวได้ จึงไม่มีตัวอย่างใดที่สามารถเอามาศึกษาได้ การที่เขตเมืองใหม่สงอันทำอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ยังต้องติดตามต่อไป
ส่วนในฐานะเป็นเขตที่ตั้งกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ในสงอันแห่งแรก ศูนย์บริการพลเมืองเขตสงอันได้เริ่มทดลองการเดินทางแบบสีเขียวแล้ว เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ศูนย์บริการดังกล่าวประกาศอย่างเป็นทางการว่า ห้ามรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันเข้ามาในเขต
พอมาตรการนี้ประกาศออกมา ผู้รับผิดชอบกลุ่มบริษัทสงอัน ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างและประกอบธุรกิจที่สำคัญของเขตเมืองใหม่สงอันแสดงท่าทีอย่างเปิดเผยว่า หากผู้ใดพบเห็นมีรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันวิ่งใช้งานในศูนย์บริการพลเมืองดังกล่าว ตนเองยอมโดนปรับเงิน 1,000 หยวนต่อครั้ง
นายหลี่ ซิ่วผิง รองผู้จัดการใหญ่บริษัทการลงทุนและพัฒนาเมือง สังกัดกลุ่มบริษัทสงอันเคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เขตสงอันถือว่าเป็นเสมือนกระดาษขาวใบหนึ่ง ซึ่งให้โอกาสการคิดค้น สำรวจ และทดลองแก่พวกเรา การคมนาคมมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกๆคน เราต้องแสวงหาวิธีการใหม่เพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดในเมืองใหญ่
สำหรับผลจะที่ได้รับจากมาตรการห้ามรถยนต์ใช้น้ำมันเข้าสู่เขตศูนย์บริการพลเมืองสงอัน ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องของกลุ่มบริษัทสงอันก็ยอมรับว่า แม้ว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะไม่เกิดผลอย่างชัดเจนในช่วงต้น และอาจจะประสบเสียงคัดค้านบ้าง แต่ถ้าการเดินทางสีเขียวไม่เริ่มทดลองใช้ในศูนย์บริการพลเมืองสงอัน การวางแผนด้านคมนาคมของเขตเมืองใหม่นี้ในอนาคตก็อาจจะเดินทางอ้อมได้ ดังนั้น เราต้องรีบทำในขณะนี้ให้ได้ นี่เป็นภาระหน้าที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของพวกเรา
แต่อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการใหม่เช่นนี้ให้ได้จริงไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ด้วยการวิจัยและศึกษาประสบการณ์จากเขตที่มีประชากรหนาแน่นในโลก อย่างสิงคโปร์ กรุงโตเกียว และนครเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น เขตเมืองใหม่สงอันตกลงจะสร้างศูนย์เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่ห่างจากศูนย์บริการพลเมือง 2.8 กิโลเมตร
ปัจจุปัน ผู้ที่ขับรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันสามารถจอดรถไว้ที่ศูนย์เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเปลี่ยนมาใช้รถพลังไฟฟ้าเดินทางต่อไปยังศูนย์บริการพลเมืองสงอันได้แล้ว ขณะเดียวกัน ยังมีการเปิดเส้นทางรถเมล์พลังไฟฟ้า 3 สายที่เชื่อมโยงศูนย์บริการพลเมืองเขตสงอันกับพื้นที่สำคัญๆ อย่างเมืองเป่าติ้ง และไป๋หยางเตี้ยน เป็นต้น และแน่นอนว่าผู้คนทั่วไปสามารถเดินทางไปยังศูนย์บริการพลเมืองสงอันได้ด้วยจักรยานและการเดินเท้า
ภายในศูนย์บริการพลเมืองเขตสงอัน มีรถพลังไฟฟ้าให้บริการรับส่งผู้คนไปถึงทุกสถานที่ฟรี รวมถึงมีรถพลังไฟฟ้าสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะด้วย และภายในศูนย์บริการดังกล่าวยังมีพื้นที่จอดรถพลังไฟฟ้าจำนวน 1,500 - 2,000 คัน มีการจัดตั้งจุดให้บริการชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังไฟฟ้า 200 ที่ ซึ่งสามารถชาร์จเสร็จเรียบร้อยได้ภายใน 2 ชั่วโมง
แม้ว่าการเตรียมงานของทางการท้องถิ่นนับว่ามีความละเอียดถี่ถ้วนแล้ว แต่ในช่วงเริ่มต้น การใช้มาตรการเดินทางแบบสีเขียวนั้น ก็ได้พบอุปสรรคและไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนไม่น้อย
พนักงานที่ศูนย์เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะเล่าว่า บางคนที่ขับรถยนต์ใช้น้ำมันไม่ยอมร่วมมือ เอาแต่ความสะดวกของตน ใช้วิธีต่างๆสร้างความกดดันเพื่อบังคับให้พนักงานยอมปล่อยเขาเข้าไป ซึ่งพวกเราก็พยายามอธิบายให้คนกลุ่มนี้ได้เข้าใจ และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินทางสีเขียว
ด้วยความพยายามอย่างเต็มที่มาตลอดกว่า 2 เดือน ปัจจุบัน ผู้คนค่อยๆ ชินกับการจอดรถส่วนตัวไว้ที่ศูนย์เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ และเปลี่ยนมาใช้บริการรถพลังไฟฟ้าเดินทางไปยังศูนย์บริการพลเมืองสงอันแล้ว นางหวัง ผู้ที่ทำงานอยู่ในศูนย์บริการพลเมืองเล่าว่า การใช้รถพลังไฟฟ้าสาธารณะมีความสะดวกมาก มีรถออกทุก 5 นาที มาตรการเช่นนี้นอกจากช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ ยังนำความสะดวกสบายมาสู่ประชาชน ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่
สถิติระบุว่า ปัจจุบัน ช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ รถพลังไฟฟ้าสาธารณะในศูนย์บริการพลเมืองเขตสงอันรับส่งผู้โดยสารวันละ 3,000-5,000 คนโดยเฉลี่ย ส่วนในช่วงสุดสัปดาห์จะรับส่งผู้โดยสารวันละกว่า 10,000 คน
Yim/Sun