เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา นายไมเคิล เคอร์เซย์(Micheal Kersey) ผู้จัดการใหญ่บริษัทเครื่องตัดหญ้าสหรัฐฯ กล่าวในที่ประชุมรับฟังพยานหลักฐานเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนจะเพิ่มภาษีศุลกากรต่อสินค้าจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐว่า "หากเชื่อว่าการเพิ่มภาษีต่อเครื่องตัดหญ้าจะมีส่วนช่วยอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ หรือการจัดการงานทำของสหรัฐฯ ก็เช่นเดียวกับความเชื่อที่ว่า การถอยรถก็จะช่วยชีวิตของสุนัขที่เพิ่งถูกรถทับ"
ตั้งแต่วันที่ 20-27 สิงหาคม สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ จัดการประชุมรับฟังพยานหลักฐานเกี่ยวกับการวางแผนจะเพิ่มภาษีศุลกากรต่อสินค้าของจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ตามผลการสำรวจ 301 พยานหลักฐานของนายไมเคิล เคอร์เซย์ เป็นเสียงสะท้อนจากความคิดเห็นของผู้ที่เข้ารวมการประชุมส่วนใหญ่
ในขั้นตอนการถามปัญหาและตอบข้อถามของการประชุม เพียงอภิปรายแค่ปัญหาการเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน ไม่มีความหมายมากนัก ปัจจุบัน ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของการค้าทั่วโลก บริษัท HIS Markit องค์กรสำรวจตลาดของอังกฤษ ประกาศรายงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วว่า จีนได้กลายเป็น "ศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก" แล้ว ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความพึ่งพาอาศัยต่อกันอย่างสูง เนื่องด้วยความสัมพันธ์ทางห่วงโซ่อุปทาน การที่วิสาหกิจสหรัฐฯ จำนวนน้อยถือการประชุมรับฟังพยานหลักฐานโจมตีคู่แข่งนั้น ละเมิดหลักการทางการตลาด นอกจากนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศสมาชิกที่สำคัญที่สุดในการก่อตั้งองค์การการค้าโลกหรือ WTO เคยให้คำมั่นสัญญากับ WTO ว่าจะใช้มาตรา 301 อย่างระมัดระวัง แต่ใช้มาตรการจำกัดการค้าของตัวเองตามกฎหมายภายในประเทศ ขณะที่ประณามจีนว่า การใช้มาตรการเพิ่มภาษีต่อสินค้าสหรัฐฯ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อต่อต้านการเพิ่มภาษีของสหรัฐฯเป็นการผิดกฎหมาย และถือเป็นเหตุผล เพื่อเพิ่มภาษีต่อสินค้าจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะนี้ การประชุมรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว หากสหรัฐฯ จะใช้วิธีการ "ถอยรถเพื่อช่วยชีวิตสุนัข" เพิ่มภาษีต่อไป คงจะทำให้วิสาหกิจและผู้บริโภคของสหรัฐฯ ผิดหวังมากๆ
Bo/LR/Cai