ปีที่แล้ว เว็บไซต์ "iQIYI" ของจีนผลิตรายการดนตรีเรียลลิตีโชว์ขนาดใหญ่ ซึ่งก็คือ "The Rap of China" ตามมาด้วยซีซันที่สองในปีนี้ ถือเป็นรายการบันเทิงที่ฮิตที่สุดของจีนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
หลายปีมานี้ รายการโทรทัศน์ของจีนมีอัตราการรับชมลดน้อยลง แม้จะยังมีผู้ชมติดตาม แต่ก็มีแนวโน้มได้รับความสนใจน้อยลงเรื่อย ๆ ส่วนรายการบันเทิงทางอินเตอร์เน็ตนั้นพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยครึ่งแรกของปี 2017 มีรายการประมาณ 100 รายการ ในจำนวนนี้มีรายการหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ "The Rap of China" ซึ่งเป็นรายการดนตรีแนวฮิปฮอป ที่เปิดโอกาสให้วัยหนุ่มสาวผู้รักดนตรีแนวนี้ได้แสดงออก โดยรายการซีซันแรกได้ออกอากาศไปแล้วช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว และซีซั่นที่สองกำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้
ปี 2017 ผู้จัดรายการ "The Rap of China" เตรียมงานเป็นเวลาสองเดือน ติดต่อกับทีมนักดนตรีฮิปฮอป เชิญแร็ปเปอร์ 200 คนไปที่กรุงปักกิ่ง เพื่อร้องเพลง รับทราบแนวคิดการทำดนตรี สภาพชีวิต และข้อเสนอของรายการ จุดประสงค์ของรายการ คือ ให้บรรดาแร็ปเปอร์เหล่านี้ทำให้ชาวจีนรู้จักดนตรีฮิปฮอปมากขึ้น แร็ปเปอร์ทุกคนต้องผ่านการแข่งขัน 12 รอบ โดยแชมป์ของรายการจะได้รางวัลมูลค่า 1 ล้านหยวน
ช่วงแรก ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจีนไม่ได้ประทับใจรายการนี้เท่าไรนัก เพราะผู้จัดรายการไม่ได้ประชาสัมพันธ์อย่างใหญ่โต และอีกด้านหนึ่ง ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่ค่อยฟังดนตรีแนวฮิปฮอป ก่อนชมรายการ ชาวเน็ตจีนบางคนรู้สึกว่ารายการไม่น่าสนใจ แต่หลังจากได้ชมรายการตอนแรก ความแปลกใหม่ทำให้รายการนี้เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้สมัครรายการแข่งขันดนตรีส่วนใหญ่จะถ่อมตัว เมื่อเผชิญกับคู่แข่ง จะแสดงความเป็นเพื่อน ซึ่งแม้ว่าเข้ากับนิสัยของชาวจีน แต่เมื่อทุกรายการเป็นเช่นนี้แล้ว ทำให้ผู้ชมรู้สึกเป็นการแสดง อีกทั้ง การที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีเรื่องน่าเศร้าหรือชีวิตที่ยากลำบากมาเล่าให้ฟัง ช่วงแรก ๆ ก็ทำให้ผู้ชมซาบซึ้งใจ แต่พอนานไปก็รู้สึกเบื่อหน่าย
สำหรับรายการ "The Rap of China" แร็ปเปอร์เหล่านี้ไม่เหมือนกับผู้เข้าแข่งขันในรายการดนตรีอื่น ๆ พวกเขามักกล่าวว่า "Keep Real" หรือ รักษาความเป็นตัวของตัวเอง เมื่อไม่พอใจอะไรก็พูดออกมา ทุกคนมีความมั่นใจในตัวเอง ตลอดจนรู้สึกว่าตัวเองร้องดีที่สุด ไม่มีใครชนะตัวเองได้ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อพบคู่แข่งที่มีความสามารถจริง ๆ ก็ยอมรับว่าตัวเองยังต้องพยายามต่อไปและเคารพคู่แข่ง นอกจากนี้ แร็ปเปอร์จะไม่กล่าวถึงชีวิตที่ยากลำบากเพื่อดึงความเห็นใจจากผู้ตัดสินและผู้ชม พวกเขาจะแข่งขันกันด้วยดนตรีเพียงอย่างเดียว ลักษณะของรายการแบบนี้จึงทำให้ผู้ชมจีนรู้สึกแปลกใหม่และน่าสนใจ
เป้าหมายของเว็บไซต์ "iQIYI" ในการทำรายการนี้ คือ ไม่ว่าผู้ชมจะเข้าใจดนตรีฮิปฮอปหรือไม่ ก็สามารถชมรายการนี้ได้เข้าใจ รายการนี้จึง ทำให้ฮิปฮอปกลายเป็นกระแสสำคัญในวงการดนตรีของจีน ซึ่งรายการซีซั่นแรกก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ผู้จัดรายการได้ทำเป้าหมายนี้สำเร็จ
รายการซีซั่นแรกสร้างสถิติการชมคลิปวีดิโอเกิน 100,000,000 ครั้งเร็วที่สุดในบรรดารายการที่ออกอากาศทางอินเตอร์เน็ต และครองอันดับหนึ่งของประเด็นร้อนในเวยโป๋ (ทวิตเตอร์ของจีน) ผู้จัดรายการกล่าวว่า แม้จะมีชาวจีนฟังเพลงฮิปฮอปน้อยมาก แต่ระหว่างการถ่ายทำ พวกเขาก็รู้ว่ารายการนี้จะได้รับความนิยมแน่นอน
แร็ปเปอร์หลายคนที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้จัก ปัจจุบันกลายเป็นไอดอล มีผู้ติดตามจำนวนมาก ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และมีโอกาสในการแสดงมากขึ้น ซึ่ง PG ONE แชมป์ของซีซั่นแรก ได้ค่าตัวในการแสดงเพิ่มเป็น 250,000 หยวน ขณะที่ VAVA แร็ปเปอร์หญิงคนเดียวที่ผ่านเข้าการแข่งขันในรอบสุดท้าย มีราคาค่าตัวเพิ่มเป็น 200,000 หยวน โดยที่ก่อนหน้านี้ ราคาค่าตัวของแร็ปเปอร์เหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 5,000 ถึง 10,000 หยวนเท่านั้น
ส่วนสไตล์การสวมเสื้อผ้า ทรงผม และการแต่งหน้าก็เป็นที่นิยมมากขึ้นของหนุ่มสาวจีนทั่วประเทศ โดยกางเกง เสื้อยืด หมวก และเครื่องประดับอื่น ๆ ที่นักร้องเคยสวมในรายการจะขายดีมาก นอกจากนี้ ยังมีคนสอนการแต่งหน้า และแต่งกายเลียนแบบแร็ปเปอร์ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้หนุ่มสาวที่สนใจแฟชั่นเริ่มติดตามการแต่งกายของแร็ปเปอร์ พูดได้ว่าเป็นการเปิดยุคใหม่ในแวดวงแฟชั่น
จากความสำเร็จของรายการในซีซั่นแรก ปีนี้ "iQIYI" จึงจัดทำรายการซีซั่นสอง โดยผู้กำกับรายการบอกว่า ดนตรีฮิปฮอปพัฒนาแบบ "underground" (ใต้ดิน) มากว่า 20 ปีในจีน จน
กระทั่งในปีที่แล้วจึงจะมีโอกาสนำเสนอสู่ชาวจีนทั่วประเทศผ่านรายการ "The Rap of China" และกลายเป็นกระแสสำคัญในแวดวงบันเทิงจีนในที่สุด
รายการในซีซั่นแรก ผู้จัดรายการพยายามเชิญแร็ปเปอร์ที่ดีที่สุดของจีนเข้าร่วม ในบรรดาผู้ร่วมรายการ คนที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด คือ欧阳靖 ( MC Jin)
MC Jin เป็นนักร้องชาวสหรัฐฯ เชื้อสายจีน เมื่อยังเด็ก เขาย้ายจากฮ่องกงไปยังเมืองไมอามีของสหรัฐฯ พร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ในตอนนั้น MC Jin ชอบดนตรีฮ่องกงมาก โดยเฉพาะเพลงของ张学友(จาง เสฺวโหย่ว Jacky Cheung)หลังเหตุการณ์ 911 ในปี 2001 เขากับคุณพ่อคุณแม่จึงย้ายไปที่นครนิวยอร์กเพื่อดูแลคุณย่า ทำให้เขาสัมผัสกับดนตรีฮิปฮอป และค่อย ๆ รักฮิปฮอป
ปี 2002 MC Jin เข้าร่วมการประกวดแร็ปของช่องโทรทัศน์ในสหรัฐฯ และชนะแร็ปเปอร์ชาวสหรัฐฯ ที่เป็นคนผิวดำ ครองแชมป์ต่อเนื่องนาน 7 สัปดาห์ เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่เห็นว่าฮิปฮอปเป็นดนตรีของคนผิวดำ และนักร้องฮิปฮอปที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ การแข่งขันครั้งนี้จึงทำให้ MC Jin เป็นที่รู้จักกันของนักดนตรีและผู้ชมในสหรัฐฯ ต่อมา เขาออกเพลงจำนวนมาก และกลายเป็นนักร้องและนักดนตรีที่มีชื่อเสียงทั้งในจีนและสหรัฐฯ ในบรรดาแร็ปเปอร์ของจีน MC Jin พูดได้ว่ามีผลงานมากที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุด เขาเคยได้รับการยกย่องว่าเป็น "นักร้อง freestyle อันดับหนึ่งของโลก" เขาพัฒนาตัวเองได้ดีมากในวงการดนตรีฮิปฮอป ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้คนมองว่าเป็นโลกของคนผิวดำ เขาจึงกลายเป็นไอดอลของแร็ปเปอร์ชาวจีนทุกคน
จริง ๆ แล้ว รายการ "The Rap of China" ไม่ใช่รายการดนตรีฮิปฮอปรายการแรกของจีน ปี 2016 เคยมีรายการ "Listen Up" ซึ่ง MC Jin เป็นผู้ตัดสิน แต่รายการนี้ไม่ได้รับความสนใจมาก
เวลา MC Jin เข้าร่วมรายการ "The Rap of China" ซีซั่นแรก เขาใส่หน้ากาก และใช้ชื่อว่า "Hiphop Man" เพื่อไม่ให้ผู้ตัดสินและผู้สมัครรู้จัก แต่เมื่อร้องเสร็จแล้ว ผู้ตัดสินทุกคนก็รู้ทันทีว่าเขาคือใคร คริส อู หนึ่งในผู้ตัดสิน บอกว่า เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่น่าจะมาแทนตัวเขาเองในฐานะผู้ตัดสิน การมาออกรายการครั้งนี้ของ MC Jin ลองแร็ปด้วยภาษาจีนกลาง เพราะก่อนหน้านี้ เขาแร็ปด้วยภาษาอังกฤษและภาษากวางตุ้ง แต่ในใจของเขา เขารักดนตรีจีนอย่างมาก เขาอยากให้ชาวจีนรู้จักฮิปฮอป สนับสนุนแร็ปเปอร์จีนในการทำดนตรีฮิปฮอป แม้ว่าเขาจะไม่ได้แชมป์ในรายการ เนื่องจากใช้ภาษาจีนกลางไม่ค่อยคล่อง แต่ชื่อ "MC Jin" ก็เป็นที่รู้จักกันของชาวจีนแล้ว
นอกจาก MC Jin แล้ว ยังมี Jony J ซึ่งเคยมีผลงานมาหลายอัลบัม มี Gai และBridge จากนครฉงชิ่ง ซึ่งแร็ปด้วยภาษาท้องถิ่น และมี 小青龙 (เสี่ยวชิงหลง) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นแร็ปเปอร์จีนที่ freestyle เก่งที่สุด แร็ปเปอร์เหล่านี้ร่วมกันร้องเพลง ในขณะเดียวกันก็แข่งขันกัน ทำให้รายการนี้น่าติดตาม และเกิดเพลงฮิตขึ้นใหม่หลายเพลงด้วย