ผู้จัดรายการทราบว่า มีแร็ปเปอร์ที่เก่งกว่าและเหมาะกับการเป็นผู้ตัดสินมากกว่า แต่เพื่อรักษาปริมาณการรับชมของรายการ ผู้จัดรายการจึงเลือกเชิญไอดอลที่มีชื่อเสียงมาเป็นผู้ตัดสิน โดยในรายการซีซั่นแรก มีผู้ตัดสิน 4 คน แบ่งออกเป็น 3 ทีม ได้แก่ คริส อู วิลเบอร์พัน และจัง เจิ้นแยว่ กับ MC Hotdog สำหรับในปีนี้ มีการเชิญนักร้องหญิงคนหนึ่งเข้าร่วม ซึ่งก็คือ G.E.M. เติ้ง จื่อฉี มาร่วมเป็นหนึ่งในทีมกับวิลเบอร์ พัน
吴亦凡 (อู๋ อี้ฝัน) คริส อู
คริส อู เป็นนักร้องและนักแสดงที่มีชื่อเสียงของจีน เกิดที่เมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง ในปี 1990 ปี 2007 เขาเข้าร่วมการอบรมดาราที่เกาหลีใต้ ต่อมาปี 2012 เขาออกจากการเป็นหัวหน้าวง EXO ซึ่งเป็นหนึ่งในวงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเอเชีย ซึ่งประกอบด้วยทั้งหนุ่มจีนและหนุ่มเกาหลีใต้ หลังจาก คริส อู กลับมาทำงานที่จีน โดยได้ร่วมแสดงภาพยนตร์หลายเรื่อง และออกเพลงฮิตอีกหลายเพลง
คริส อู มีหน้าตาหล่อเหลาและหุ่นดี พูดได้ว่าหล่อทุกมุมจริง ๆ เขาสวมเสื้อผ้าแฟชั่น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในดาราที่นำกระแสแฟชั่นในจีน เขารักดนตรีฮิปฮอป เมื่ออยู่ในวง EXO เขาจะรับผิดชอบท่อนแร็ป ต่อมา เขาพยายามศึกษาและเรียนการทำดนตรีฮิปฮอปและเทคนิคการแร็ป ล่าสุดเขาเป็นที่ชื่นชอบของแร็ปเปอร์จีนอย่างมาก จึงเป็นคนที่เหมาะสมกับการเป็นผู้ตัดสินในรายการ "The Rap of China"
คริส อู เป็นไอดอลที่ไม่ว่าจะพูดอะไร หรือทำอะไร ก็จะได้รับความสนใจอย่างมาก เช่น ในการแข่งขันรอบแรกของรายการซีซั่นแรก แร็ปเปอร์บางคนร้องไม่ดีเพราะตัวเองตื่นเต้น คริส อู มักยินดีให้โอกาสอีกครั้ง โดยถามว่า "Freestyle ได้ไหม" ซึ่ง "Freestyle" หมายถึง การแร็ปแบบด้นสด เป็นเทคนิคที่ค่อนข้างยาก เพราะต้องแร็ปไปพลางคิดเนื้อเพลงไปพลาง ทำให้ประโยคนี้เป็นที่นิยมขึ้นมาทางอินเตอร์เน็ต จนบางคนล้อเล่นกันว่า คุณ freestyle ไม่เป็น คุณไม่มีคุณสมบัติเป็นเพื่อนฉัน
ในรายการ คริส อู เป็นคนที่มีความชัดเจนว่า อยากได้สมาชิกในทีมอย่างไร ก่อนที่จะเลือกแร็ปเปอร์ เขาจะคิดให้ดีว่าอยากให้ใครเข้ามาอยู่ทีม และเลือกแร็ปเปอร์โดยไม่ลังเลแม้สักวินาที
潘玮柏 (พัน เหว่ยโป๋) วิลเบอร์ พัน
วิลเบอร์ พัน เป็นชาวสหรัฐฯ เชื้อสายจีน เกิดที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนียในปี 1980 แต่เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในจีน ในปี 2002 เขาออกอัลบั้ม "壁虎漫步" (ปี้หู่มั่นปู้) หรือ "Gecko Stroll" เป็นที่นิยมไปทั่วประเทศจีน ทำให้วิลเบอร์ พัน เป็นที่รู้จักของชาวจีน ต่อมาเขาออกเพลงที่ได้รับความชื่นชอบจากชาวจีนอีกหลายเพลง เช่น "我的麦克风" (อั่วเตอะไม่เค่อเฟิง Pass Me the Mic) และ "不得不爱" (ปู้เต๋อปู๋ไอ้ Be With You) นอกจากนี้ เขายังเคยได้รับรางวัลมากมาย เช่น ปี 2004 เขาได้รับรางวัลนักร้องใหม่ดีเด่นของจีน ปี 2006 เขาได้รับรางวัลนักร้องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของจีน ปี 2012 เขาเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของจีนในนักร้องชาวฮ่องกง ไต้หวันและชาวจีนโพ้นทะเล เพลงของเขาส่วนใหญ่ใช้สไตล์ฮิปฮอปและแร็ป เป็นหนึ่งในนักร้องจีนกลุ่มแรกที่นำดนตรีฮิปฮอปเข้าตลาดจีน โดยแร็ปเปอร์จีนส่วนใหญ่ฟังเพลงของเขาแล้วจึงเริ่มชอบดนตรีฮิปฮอป
G.E.M.邓紫棋 (เติ้ง จื่อฉี)
เติ้ง จื่อฉี เป็นผู้ตัดสินหญิงคนเดียวในรายการ "The Rap of China" ซีซันสอง เติ้ง จื่อฉี เธอเกิดที่นครเซี่ยงไฮ้ในปี 1991 และย้ายไปอยู่ที่ฮ่องกงเมื่ออายุ 4 ขวบ เธอเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง ในปี 2008 ซึ่งเติ้ง จื่อฉี ในวัยเพียง 16 ปี ออกอัลบั้มแรก และได้รับรางวัลนักร้องใหม่ดีเด่นของฮ่องกง ต่อมาปี 2011 เธอได้จัดคอนเสิร์ต 5 ครั้งที่สนามกีฬาหงคันของฮ่องกง ต่อมาปี 2013 เธอได้รับรางวัลนักร้องหญิงที่จำหน่ายอัลบั้มได้มากที่สุดของฮ่องกง แต่เติ้ง จื่อฉี เป็นที่รู้จักกันของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2014 จากรายการ "I am a Singer" ซีซันสองทางช่องโทรทัศน์หูหนาน ช่วงหลายปีมานี้ เธอมีผลงานเพลงฮิตจำนวนมาก เช่น "泡沫" (เพ่ามั่ว BUBBLE) "A.I.N.Y." และ "多远都要在一起" (ตัวหย่วนโตวเย่าไจ้อี้ฉี่ LONG DISTANCE ) ปี 2016 นิตยสารฟอร์บสจัดอันดับนักดนตรีอายุไม่ถึง 30 ปีที่มีศักยภาพมากที่สุดทั่วโลก ซึ่งนักร้องคนเดียวของเอเชียก็คือเติ้ง จื่อฉี นอกจากนี้ ปี 2017 เธอยังได้รับรางวัล "Golden Melody" ประจำปี ในฐานะที่เป็นนักร้องหญิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของจีน
เติ้ง จื่อฉี ร้องเพลงหลายประเภท และเล่นเครื่องดนตรีเป็นหลายอย่าง เมื่อประกาศว่า เธอจะเป็นผู้ตัดสินใน "The Rap of China" บางคนห่วงว่าเธอจะไม่เชี่ยวชาญด้านฮิปฮอป แต่จากรายการที่ได้ออกอากาศไปแล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เธอเข้าใจดนตรีฮิปฮอปเป็นอย่างดี
张震岳 (จัง เจิ้นแยว่)
จัง เจิ้นแยว่ เป็นนักร้องไต้หวัน ปี 1993 เขาออกอัลบั้มแรกชื่อว่า "就是喜欢你" (จิ้วซื่อซี่ฮวนหนี่ Just A Man In Love) ครึ่งปีต่อมา เขาออกอัลบัมที่สอง คือ "花开了没有" (ฮัวไคเลอเหมยโหย่ว Does The Flower Bloom?) เขามีผลงานเพลงเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศจีน เช่น "爱我别走" (ไอ้อั่วเปี๋ยโจ่ว Love me,don't go) "再见" (ไจ้เจี้ยน Goodbye) และ "爱之初体验" (ไอ้จือชูถี่เอี้ยน Love's first taste) จัง เจิ้นแยว่ เป็นนักร้องที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งการแต่งทำนอง เนื้อเพลง แม้ว่าเสียงของเขาไม่ค่อยเหมาะกับเพลงฮิปฮอป แต่เขาก็เข้าใจดนตรีชนิดนี้อย่างลึกซึ้ง
MC Hotdog
MC Hotdog เป็นแร็ปเปอร์ไต้หวัน ปี 1998 เขาออกผลงานเพลงแร็ปทางอินเตอร์เน็ต ดึงดูดความสนใจจากผู้รักเพลงประเภทนี้ ปี 2001 เขา ออกอัลบั้ม "MC HotDog" ในตั้งแต่ปี 2004 เขาได้รับเชิญจากจัง เจิ้นแยว่ ไปแสดงหลายที่ รวมถึงในสหรัฐฯ และฮ่องกง ต่อมาปี 2007 เขาได้รับรางวัลอัลบัมภาษาจีนที่ดีที่สุด ปี 2014 เขาได้รับเชิญจากคณะกรรมการโอลิมปิกจีน ให้ร่วมกับจัง เจิ้นแยว่ จัดทำเพลง "Super Duper Fly" ให้กับงานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวโซชี เขาเป็นสัญลักษณ์ในวงการแร็ปภาษาจีน เขาได้รับยกย่องว่าเป็น "เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ออฟ ฮิปฮอป" ในไต้หวัน เพลงของเขามีเอกลักษณ์และเสน่ห์ของตัวเอง เขาเป็นไอดอลของผู้สมัครรายการ "The Rap of China" ทุกคน
ผู้ตัดสินทั้ง 5 คนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รายการนี้ดึงดูดความสนใจได้มากขนาดนี้ และต่างกับรายการอื่น ๆ ที่มีผู้ตัดสินไว้เพียงวิพากษ์วิจารณ์การแสดงของผู้สมัครเท่านั้น แต่สำหรับรายการนี้ ผู้ตัดสินต้องเตรียมการแสดงของตัวเองด้วย และผู้สมัครก็มีสิทธิเลือกว่าจะเข้าไปร่วมทีมของผู้ตัดสินคนใด ดังนั้น ผู้ตัดสินทุกคนจึงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้สมัคร
รายการในซีซันแรก มีแชมป์ 2 คน คือ PG One และ Gai ซึ่งอยู่ในทีมของคริส อู และทีมของจัง เจิ้งแยว่กับ MC Hotdog ส่วนในรายการซีซันสอง มีแร็ปเปอร์ที่มีความสามารถมาเข้ามาร่วม เช่น KungFu-Pen ผู้ก่อตั้งทีม C-block และออกเพลงมาหลายเพลงแล้ว周汤豪(Nick Chou)ซึ่งเป็นนักร้องและนักแสดงที่มีชื่อเสียงของไต้หวัน และ那吾克热(LIL-EM)ซึ่งเคยเข้าร่วมรายการ "Sing My Song" ของซีซีทีวี และ小青龙 (เสี่ยวชิงหลง) ซึ่งเป็นที่สนใจอย่างมาก แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์จากซีซันแรกได้ ซึ่งแร็ปเปอร์ทุกคนต่างพยายามแต่งเพลงและแสดงความสามารถของตัวเองออกมา ทำให้รายการในซีซันที่สองก็น่าติดตามชมไม่แพ้ซีซั่นแรก
รายการในซีซั่นที่สอง เริ่มออกอากาศทางอินเตอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา หากคุณชอบดนตรีฮิปฮอป ชอบนิสัยตรงไปตรงมาของแร็ปเปอร์ หรือผู้ตัดสินทั้ง 5 คน ซึ่งเป็นไอดอลของจีนแล้ว หรือหากสนใจว่า ปีนี้คริส อู จะทำให้ประโยคอะไรนิยมขึ้นมาทางอินเตอร์เน็ต หรือใครจะได้แชมป์ปีนี้แล้วหละก็ขอให้ติดตามรายการ "The Rap of China" ซีซั่นที่สอง เพื่อลองสัมผัสกับดนตรีฮิปฮอปของจีนดูสักครั้ง