ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอโดยพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดของเปรู โดยนางเคอิโก ฟูจิโมริ ลูกสาวคนโตของนายอัลเบอร์โต ฟูจิโมริ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค มติดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนในรัฐสภาด้วยคะแนน 55 เสียง คัดค้าน 30 เสียง และไม่ออกเสียง 2 เสียง กฎหมายดังกล่าวมีผลให้นักโทษอายุเกิน 75 ปี ที่ได้รับโทษจำคุกเกิน 1 ใน 3 ของระยะเวลาที่ถูกตัดสินจำคุกทั้งหมด สามารถใช้ชีวิตนอกเรือนจำได้
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านร่างกฎหมายดังให้ความเห็นว่า การลงมตินี้มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ เปิดทางให้อดีตประธานาธิบดีไม่ต้องกลับไปจำคุกต่อ เพราะนายอัลเบอร์โต ฟูจิโมริ ปีนี้อายุ 80 ปี เข้าเงื่อนไขตามที่ร่างกฎหมายกำหนด นอกจากนี้ เขายังรับโทษจำคุกมาตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งนานเกิน 1 ใน 3 ของระยะเวลาต้องโทษทั้งหมด 25 ปีแล้ว
นายอัลเบอร์โต ฟูจิโมริ เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเปรูระหว่างปี 1990 - 2000 ในช่วงเวลานั้น เศรษฐกิจเปรูพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่วิธีการบริหารแบบเผด็จการและพฤติกรรมการทุจริตของเขา ทำให้เขาถูกบีบบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2000 และเดินทางไปญี่ปุ่น ก่อนถูกจับกุมได้ที่ชิลีเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2005 ต่อมาถูกส่งตัวกลับไปยังเปรูในเดือนกันยายน ปี 2007 และถูกศาลตัดสินจำคุก 25 ปีในฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและกระทำการทุจริต ระหว่างจำคุก นายฟูจิโมริเคยออกจากเรือนจำแล้วหลายครั้งเนื่องจากปัญหาสุขภาพ
นายฟูจิโมริ ได้รับการอภัยโทษจากนายเปโดร ปาโบล คูชินสกี อดีตประธานาธิบดี เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม แต่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการตอบแทนที่ลูกชายของนายฟูจิโมริช่วยให้เขารอดพ้นจากการลงมติถอดถอนของรัฐสภา
วันที่ 3 มีนาคม ศาลสูงสุดเปรูประกาศให้การอภัยโทษดังกล่าวเป็นโมฆะ และสั่งให้จับกุมเขากลับไปจำคุกต่อ
Min/Tim/Zheng