เมืองเวินโจวถือเป็นต้นกำเนิดเศรษฐกิจภาคเอกชน และผู้นำด้านการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 19 มีนโยบายส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์แบบใหม่ระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนที่มีความบริสุทธิ์และใกล้ชิด ส่งเสริมให้เศรษฐกิจที่มิใช่ระบบส่วนรวมกับผู้ประกอบการที่ไม่อยู่ในระบบเศรษฐกิจส่วนรวมพัฒนาไปด้วยดี
ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา วิสาหกิจเอกชนใช้ทรัพยากรเพียง 40% สร้าง GDP กว่า 60% และจ่ายภาษีกว่า 50% นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 70% เกิดจากวิสาหกิจเอกชน และวิสาหกิจเอกชนสร้างานกว่า 80% ของทั่วประเทศ วิสาหกิจเอกชนกลายเป็นตัวแทนของการสร้างสรรค์ ความซื่อสัตย์น่าเชื่อถือ ความรักชาติ และจรรยาบรรณอาชีพ
ปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาที่เน้นคุณภาพ ภายใต้สถานการณ์ที่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้น วิสาหกิจเอกชนที่สร้างรายได้การส่งออกเกือบ 45% ของประเทศจะได้รับผลกระทบโดยตรง จึงต้องใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้นในการวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ พัฒนาระบบบริหารธุรกิจ เปลี่ยนรูปแบบการสมทบทุน การลงทุนและให้ความสำคัญกับการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน และที่สำคัญ ควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดีจีนเคยย้ำว่า การส่งเสริมให้เศรษฐกิจที่มิใช่ระบบส่วนรวมกับผู้ประกอบการที่ไม่อยู่ในระบบเศรษฐกิจส่วนรวมพัฒนาไปด้วยดี มีความสำคัญมากทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง เมื่อเร็วๆ นี้ นายสี จิ้นผิงกล่าวย้ำอีกครั้งในระหว่างการตรวจเยี่ยมมณฑลเหลียวหนิงว่า ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมทางกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาของวิสาหกิจเอกชน ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมการประกอบการให้ดีขึ้น
เมืองเวินโจวตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจให้เทียบเท่าระดับชั้นนำของประเทศภายในเวลา 3 ปี วางแผนนำทางไปสู่ระบบเศรษฐกิจทันสมัยที่มีเอกลักษณ์ท้องถิ่นและสอดคล้องกับความต้องการของยุคใหม่ก่อนปี 2025 พร้อมสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการพัฒนาของวิสากิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ทุ่มเทกำลังในการลดภาระให้กับวิสาหกิจ ออกนโยบายคุ้มครองนักวิสาหกิจเอกชน ทำให้เมืองเวินโจวกลายเป็นเมืองการค้าสากล
Min/Yim/Zhou