ด้วยความซุกซนและสนใจใคร่รู้ตามประสาเด็ก เขาหัดเล่นเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ของปู่ พยายามค้นหาคำตอบกับโลก และพยายามวิธีแก้ไขให้ดีขึ้น แล้วเขาก็ได้แสดงบุคลิกภาพพิเศษออกมา ตอนเขาอายุราว 14-15 ปี เขาได้รับพิมพ์เขียวแบบแผนนาฬิกาน้ำที่ปู่ของเขากำลังทำอยู่ เขาคิดและวิเคราะห์ภาพโครงสร้างหลักทั้งหมด แล้วเขาก็ได้ทดลองปรับปรุงรูปแบบการทำงานของนาฬิกาน้ำนั้นให้ดีขึ้น แล้วตั้งชื่อมันว่า "นาฬิกาน้ำดอกบัว" เพราะเขาออกแบบมันให้เหมือนกับดอกบัว รูปร่างของนาฬิกาน้ำเหมือนชามที่หงายอยู่ แล้วปล่อยให้น้ำหยดลงมา
หลังจากที่เขาฝึกสร้างนาฬิหาน้ำจนชำนาญแล้ว เขาก็ได้เรียนวิชาคณิตศาสตร์จนแตกฉานขณะที่มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น จากการคำนวณอันแม่นยำ ทำให้เขาเริ่มเข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ของระบบวิทยาศาสตร์ของธาราศาสตร์ และในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มศึกษาวิชาดาราศาสตร์ไปพร้อมกันด้วย รากฐานของการศึกษาเหล่านี้สามารถประดิษฐ์สิ่งที่คุณประโยชน์ต่อชาติและสังคมอย่างอย่างมหาศาล
ขณะที่เจงกิสข่านนักรบผู้พิชิตโลกชาวมองโกลเพิ่งเสียชีวิตลง และโอโกไต โอรสองค์ที่ 3 ผู้สืบบัลลังก์กำลังยกทัพลงใต้เพื่อยึดอาณาจักรซ่งใต้ โกว โส่จิ้ง ในวัย 20 ปี ได้บ่มเพาะความสามารถจนสร้างประดิษฐกรรมต่างๆ นานาด้วยอัจฉริยภาพด้านคณิตศาสตร์ได้ ช่วงนั้นเขารับราชการเป็นวิศวกรด้านธาราศาสตร์ในบ้านเกิดของเขา โดยมีหน้าที่เป็นพนักงานการประปาส่วนท้องถิ่น