วันนี้ (15 กันยา 53) เป็นอีก 1 วันกับภารกิจที่ต้องทำร่วมกับ CRI ในการเดินทางไปเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง โดยคณะของเราประกอบด้วยผู้สื่อข่าวไทยจำนวน 9 คน และผู้สื่อข่าวภาคภาษาไทยของ CRI อีก 6 คน นำทีมโดย นายลู่ หย่งเจียง ซึ่ง CRI แต่ละคนล้วนพูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ จนแทบจะไม่รู้สึกได้เลยว่า พวกเขาเป็นคนจีน ทำให้บรรยากาศ ในการเดินทางเป็นไปด้วยความเป็นกันเอง สนุกสนาน เมื่อเรา มีข้อสงสัยอะไรก็จะได้รับความช่วยเหลือแนะนำจากทีมงานของ CRI เป็นอย่างดี
หลังจากที่เซ็คเอาท์ออกจากโรงแรม Shangri-la Hotel เราก็ได้เดินทางไปยังศาลากลางมณฑลกวางตุ้ง โดยพบกับคุณ หวางจื้อหง รองผู้ว่าการท่องเที่ยวมณฑลกวางตุ้งในฐานะที่เป็น มณฑลใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศจีน ที่ได้รับอาณิสงฆ์จาก การปฏิรูปประเทศ และได้รับการพัฒนาเศณษฐกิจ การเปิดประเทศ นำไปสู่การขยายตัวด้านการท่องเที่ยว ในรอบปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปยังกวางตุ้ง 247,000 คน รองจากประเทศมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาถึง 590,000 คน ขณะที่คนกวางตุ้งเองก็เดินทางไปเที่ยวประเทศไทยมากถึง 2 แสงกว่าคน คิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของชาวจีนที่เดินทางไปเที่ยวในประเทศไทยทั้งหมด
กวางตุ้งวางเป้าหมายยุทธ์ศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวไว้ 4 อย่าง ได้แก่ 1. วัฒนธรรมหลิ่งหนาน 2. เมืองธุรกิจการค้า 3. ชายหาดสีทอง 4. เมืองอาหาร
ผมเพิ่งทราบว่า กวางตุ้งมีชายหาดยาวถึง 3,300 กิโลเมตร มีน้ำพุร้อน 90 แห่ง และมีสนามก็อล์ฟมากกว่า 70 แห่ง และถ้าใครไปเที่ยวกวางตุ้งแล้ว มีสินค้าที่มีชื่อเสียงน่าจับจ่าย ซื้อหากลับไปฝากทางบ้านมากมาย อาธิเช่น ผ้าไหมลายปัก ยาสมุนไพร หยกที่เจียงหยางและซือกุย อีกทั้งยังมียาหม่อง ที่ทำจากสมุนไพรผสมกันกว่า 100 ชนิต
กระซิบให้นิดหนึ่งว่า ที่กวางโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้งนั้น ยามเย็นไปจนถึง 4 ทุ่ม ควรจะหาโอกาสเดินทางไปยังถนนบันจิงโรสหรือถนนปักกิ่ง เพราะที่นั่น ถูกเนรมิตเป็นถนนคนเดิน โดยมีจุดขายอยู่ที่การนำเอาโบราณวัตถุ โบราณสถานทางประวัติศาสตร์มารื้อฟื้นอนุรักษ์ไว้ เพราะที่ถนนปักกิ่งนี้ เมื่อครั้งที่กวางโจวได้ทำถนนเส้นนี้ขึ้นมา เขาได้พบว่า ใต้พื้นถนนตลอดความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สร้างทับซ้อนกันหลายชั้น คาดว่ามีอายุนับพันปี ตั้งแต่สมัยราชวงค์ซ้อง รัฐบาลจึงได้กั้นแนวไว้กลางถนน บูรณะถนนโบราณนี้ใหม่ให้เห็นสภาพแท่งอิฐที่วางทับซ้อนเรียงรายเอาไว้แล้วนำแผ่นกระจกใสปูทับไว้ นักท่องเที่ยวที่มาเดิน ชอปปิ้งผ่านถนนคนเดินนี้ก็จะมาเยี่ยมชมถนนโบราณสายนี้ด้วย บ้างก็ถือโอกาสถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สินค้าย่านนี้มีหลายชนิต ตั้งแต่ร้านรวง เสื้อผ้า ของกินของใช้ ไฟฟ้าส่วางไสว ภูมิทัศน์ถูกปรับสภาพให้สวยงาม ก็ต้องขอชื่นชมว่า กลางเจารู้จักนำประวัติศาสตร์มาเชื่อมต่อ กับโลกธุรกิจในปัจจุบันได้ดี
วันนี้ ขอจบลงเท่านี้ก่อน แม้จะมีภาระกิจและมุมมองอีก มากมาย แต่เพื่อนๆ นักข่าวที่ร่วมทางไปด้วยคงจะได้นำเสนอ มุมมองของเขาให้ผู้ติดตามได้อ่านกัน