มุมมองของคุณสุบงกช สุขแก้ว ( ฝน) จาก Voice TV
สีเขียวต้นไม้ตัดกับสีฟ้าครามของน้ำทะเลที่ดูแล้วสบายตา เป็นจุดเด่นของเมืองจูไห่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยสัญลักษณ์ของที่นี่คือรูปปั้น "สาวประมง" ที่แสดงถึงหญิงสาวผู้จิตใจดี เข้มแข็ง และแข็งแรง หากเปรียบเทียบก็คล้ายกับเมืองไทยอย่างจังหวัดภูเก็ต ที่มีท้าวเทพกษัตรียและท้าวศรีสุนทร 2 พี่น้องหญิงแกร่งเป็นสัญลักษณ์ ส่วนที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือจูไห่มีชายหาดที่สั้นมาก เม็ดทรายไม่ได้ขาวเหมือนภูเก็ต เราจึงไม่เห็นนักท่องเที่ยวนอนอาบแดด หรือลงเล่นน้ำทะเล ใช้วิธีการเดินเล่นและปั้นจักรยานเลียบชายฝั่ง ซึ่งเส้นรอบเกาะที่ติดกับทะเลจะมีเส้นทางจักรยานโดยเฉพาะ แม้จะไม่สามารถลงเล่นน้ำได้แต่บรรยากาศโดยรวม อนาคตอาจกลายเป็นสถานที่พักผ่อนในฝันของคนทั่วโลก นั่นเป็นสิ่งที่ฉันสัมผัสได้ และเมื่อประเมินรวมกับข้อมูลในปี 2009 ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาเที่ยวเมืองจูไห่ประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งคนไทยติด 1 ใน 5 ของนักเที่ยวชาวต่างชาติที่มาจูไห่มากที่สุด ฝันนี้กลายเป็นจริงได้ไม่ยาก
เกือบลืมเล่าถึงเรื่องการเดินทางจากเซินเจิ้นมาจูไห่เมื่อวานที่มีทั้งรถชน เร่งปรับพื้นผิวจราจร ทำให้รถติดมาก ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ความรู้สึกแรกนึกถึงกรุงเทพมหานครขึ้นมาทันที แต่ก็มีข้อดีเมื่อเหนื่อยก็ทำให้หลับสนิทพักผ่อนเต็มที่ค่ะ
เมืองจูไห่ เป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่มีประชากรเพียง 1 ล้าน 5 แสนคน บรรยากาศจึงสงบ ดูไม่วุ่นวาย ส่วนไฮไลท์ในวันนี้ต้องยกให้เมืองใหม่เหิงฉิน ที่กำลังก่อสร้างให้กลายเป็นเมืองต้นแบบ คาดว่าในปี 2012 จะเห็นโครงสร้างโดยรวม และในปี 2015 เราจะเห็นจูไห่ในภาพใหม่ ทั้งทันสมัย สะดวกสบาย และเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีการวางระบบสาธารณูปโภคและระบบคมนาคมเป็นอย่างดี วันนี้ยังได้โอกาสได้ไปยืนในจุดที่ห่างจากมาเก๊าเพียง 50 เมตร ตอนแรกคิดว่าจะว่ายน้ำข้ามฝั่ง แต่เสียใจว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ แต่หากจะไปมาเก๊าจริงๆ ก็นั่งรถข้ามสะพานไปครู่เดียวก็ถึงแล้ว
ถ่ายรูปจนเหนื่อยออกเดินทางต่อ ก่อนแวะชมหินที่มีราคาสูงถึง 10 ล้านหยวน เกือบไม่กล้าถ่ายรูปด้วยเพราะกลัวต้องจ่ายเงินหากทำแตก แต่เห็นถ่ายกันทั้งทีมเลยขอสักรูปสองรูป สวยจริงๆ ค่ะ เดินทางต่อปลายทางของคืนนี้อยู่ที่เมืองจงซาน บ้านเกิดของ ดร.ซุนยัตเซ็น บิดาของชาวจีน เหนื่อยมาทั้งวันขอพักก่อนนะ ฝันดีค่ะ