เมืองลาซาอยู่ระดับเหนือน้ำทะเลประมาณ 4,000 เมตร ชาวต่างถิ่นเมื่อมาถึงยังเมืองนี้ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อปรับสภาพร่างกาย ให้เคยชินกับสิ่งแวดล้อมที่มีปริมาณอ๊อกซิเจนน้อย แต่การแข่งขันวิ่งมาราธอนมีระยะทางค่อนข้างยาว ใช้เวลานาน ทำให้นักกีฬาต้องการอ๊อกซิเจนจำนวนมาก ดังนั้น การจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนบนที่ราบสูงจึงเป็นเรื่องขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง แต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ เมืองลาซาได้จัดการแข่งขันมินิมาราธอนนานาชาติอีกครั้งด้วยความสำเร็จ ระหว่างการแข่งขัน ไม่มีนักกีฬาคนใดเหนื่อยจนขาดอ๊อกซิเจน เช่นเดียวกับการแข่งขัน 3 ครั้งที่ผ่านมา
แน่นอน การวิ่งมาราธอนบนที่ราบสูงเกือบ 3,000 เมตรนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นายเจี่ยกั๋วฟู่ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนลาซากล่าวว่า
"ผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันต้องมีใบยืนยันตรวจสุขภาพร่างกายมาแล้ว และมีประสบการณ์ในการวิ่งมาราธอนพอสมควร พอเดินทางมาถึงลาซา ต้องเข้าเช็คร่างกายในโรงพยาบาลที่กำหนด ตอนเช้าวันแข่งขัน ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะตรวจร่างกายนักกีฬาอีกครั้ง นักกีฬาทุกคนต้องผ่านการตรวจร่างกายทุกครั้งจึงสามารถเข้าร่วมการแข่งขัน"
นักกีฬา สื่อมวลชน และผู้ชมมักจะให้ความสนใจต่อความปลอดภัยของการแข่งขันกีฬาบนที่ราบสูง คณะกรรมการได้กำหนดแผนการด้านการรักษาพยาบาลในทุกๆ ขั้นตอนอย่างละเอียด นอกจากมีการจัดวางเจ้าหน้าที่จำนวนมากไว้ตามเส้นทางการแข่งขันแล้ว เจ้าหน้าที่่ทั้งหมดล้วนมีความสามารถในการปฐมพยาบาลด้วย นายเหยาจื้อรองเลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกล่าวว่า
"เจ้าหน้าที่ของเราทั้งหมดมีบัตรประจำตัว ซึ่งพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่กู้ชีพไว้ด้วย ถ้าพบสถานที่จุดใดจุดหนึ่งขาดเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาล ก็สามารถโทรศัพท์สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาพยาบาลมาคอยเฝ้าในจุดนี้ได้ จึงรับรองได้ว่าทั้งทั่วบริเวณจัดการแข่งขันมีความปลอดภัยเต็มที่"
มาตรการพิเศษในการรักษาความปอดภัยและสิ่งแวดล้อมระหว่างการแข่งขัน ดึงดูดผู้นิยมการวิ่งมาราธอนมาท้าทายขีดความสามารถของตน นายเหรินเว่ยตุงจากมองโกเลียในก็เป็นตัวนักกีฬาที่มาเข้าร่วมคนหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว เขาได้วิ่งมาราธอนบนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตครบ 12 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง และเพื่อแสดงความชื่นชอบที่เขามีต่อการแข่งขันการวิ่งมาราธอนเมืองลาซา ปีนี้ เขาเดินทางจากมองโกเลียในมาถึงเมืองลาซาด้วยวิธีการวิ่ง เฉลี่ยวันละ 50 กิโลเมตร วิ่งต่อเนื่องกันนานถึง 71 วัน เขากล่าวว่า
"เมื่อปีที่แล้ว ผมวิ่งมาราธอนบนที่ราบสูงจนครบ ก็เพื่อแสดงความยินดีที่มาตุภูมิได้จัดงานกีฬาโอลิมปิก ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 60 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความหมายสำคัญมาก ผมคิดว่าควรทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงความดีใจด้วย คิดไปคิดมาก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่โดยสารเครื่องบินหรือรถไฟมาลาซา ทั้งจะไม่ขับขี่มอเตอร์ไซร์หรือปั่นจักรยาน ผมตัดสินใจเดินทางมาด้วยเท้าของตัวเอง วิ่งมาเข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนลาซา"
ผู้ที่เข้า่รวมการแข่งขันครั้งนี้ยังมีอีกคนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนประทับใจมาก นั่นก็คือชายชราชื่อซุนเทียนเอิน ที่มีอายุถึง 77 ปี เขาสามารถวิ่งถึงเส้นชัยด้วยความสำเร็จ ผู้ชมในสนามทุกๆ คนพากันส่งเสียงปรบมือให้ ชายชราคนนี้ยังมีเป้าหมายที่จะปั่นจักรยานรอบโลกเพื่อประชาสัมพันธ์โอลิมปิกเกมส์กรุงลอนดอนที่จะจัดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วย เขากล่าวถึงมนต์เสนห์ของการแข่งขันวิ่งมาราธอนลาซาว่า
"ผมรู้สึกว่าตลอดชีวิตของเรา ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตน ดังนั้น ผมจะพยายามพัฒนาศักยภาพ และท้าทายขีดความสามารถของตัวเอง ผมคิดว่าตัวเองยังสามารถแข่งต่อได้อีกหลายปี"
(Pan/Lin)