เมื่อเดือนธันวาคามปี 2009 นิตยสารกีฬา "442" ของออสเตรเลียจัดอันดับเหตุการณ์สำคัญ 50 ครั้งในประวัติศาสตร์ด้านกีฬาฟุตบอลของออสเตรเลียปรากฏว่า การที่ทีมชาติออสเตรเลียบุกเข้าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายติดต่อกัน 2 ครั้งนั้น ถูกจัดอยู่อันดับที่ 1

เมื่อ 4 ปีก่อน ภายใต้การนำของนายกูส ฮิดดิ้งค์ (Guus Hiddink) โค้ชชาวเนเธอร์แลนด์ชื่อดังระดับโลก ทีมฟุตบอลชายออสเตรเลียที่ได้ชื่อว่า "กองทัพจิงโจ้" สามารถฝ่าเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลโลก นับเป็นผลการแข่งขันฟุตบอลดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย หลังเวิลด์คัพปี 2006 แล้ว สมาคมฟุตบอลออสเตรเลียประกาศเข้าร่วมสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ปี 2007 เข้าการแข่งขันชิงแชมป์ฟุตบอลเอเซียนยเป็นครั้งแรกแต่ไม่สามารถเข้าร่วมรอบ 4 ทีมสุดท้าย ถือว่าเป็นการพ่ายแพ้อย่า่งหนัก หลังจากนั้น "กองทัพจิงโจ้"เรียนรู้เทคนิคทของเนเธอร์แลนด์อีกครั้ง จนสามารถทะลุเข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกของเวิลด์คัพแอฟริกาใต้ภายใต้ได้ โดยมีนายพิม เวอร์บีค จากประเทศเนอเธอร์แลนด์เป็นโค้ช และสร้างสถิติที่ดีที่สุดในประวัติสาสตร์การเข้าร่วมแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกของทีมออสเตรเลียด้วย สำหรับเป้าหมายในการแข่งขันรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก นายพิม เวอร์บีคแสดงว่าอย่างน้อยที่สุดต้องหลุดจากกลุ่มให้ได้ เขากล่าวว่า

"เป้าหมายขั้นแรกคือรอดชีวิตจากกลุ่ม และพยายามตีเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ถ้ามีโชค ก็คาดว่าจะสามารถเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายได้ แต่ละขั้นตอนล้วนยากมากทีเดียว"

เวิลด์คัพแอฟริกาใต้ครั้งนี้ ออสเตรเลียถูกจัดเข้ากลุ่มเดียวกับทีมเยอรมนี ทีมเซเนกันและทีมกานา นายพิม เวอร์บีครู้สึกว่ายากที่จะประเมินว่าทีมไหนเป็นทีมแข็งและทีมไหนอ่อน เขาเพียงแต่หวังว่าทีมของตนจะสามารถทำ 1 หรือ 3 คะแนนได้ในการแข่งขันทุกรอบ

สำหรับรายชื่อของสมาชิกทีมออสเตรเลีย นายพิม เวอร์บีคเปยว่าในใจของเขามีตัวหลักหลายคนแล้ว แต่ในแต่ละตำแหน่งของทีม ยังต้องคัดเลือกอย่างน้อย 3 – 4 คน โดยเขาและสมาชิกทีมงานผู้ฝึกสอนจะไปสำรวจสภาพของนักเตะออสเตรเลียที่กำลังเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศ และกำหนดรายชื่อทีมที่มีสมาชิก 30 คน ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก จะแจ้งรายชื่อทีมที่มีสมาชิก 23 คนสุดท้าย

สื่อมวลชนออสเตรเลียคาดว่า รายชื่อทีมชาติออสเตรเลียคงไม่มีการปรับเปลี่ยนมาก แม้ว่าสมาชิกคนสำคัญหลายคนมีอายุมากขึ้น แต่พวกเขายังคงรักษาฟอร์มการแข่งขันได้อย่างดี อาทิ นายเฮนรี เคเวลล์ หัวหน้าทีม นายทิม คาฮิลล์ ตัวหลักในกองกลาง นายมาร์ก สวาร์เซอร์ ผู้รักษาประตู เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีนักเตะชื่อดังรุ่นใหม่ อาทิ ทอมมี โออาร์ นักเตะรุ่นใหม่อายุ 18 ปี ที่พัฒนาและมีชื่อเสียงขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลลีกออสเตรเลีย แต่นายพิม เวอร์บีคหวังว่า สื่อมวลชนออสเตรเลียจะไม่สร้างแรงกดดันมากเกินควรต่อทอมมี โออาร์ ต้องให้เข้าค่อย ๆ พัฒนาตัวเองจนมีความพร้อมทางจิตใจ

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากทีมออสเตรเลียอยากสร้างผลงานที่ดี ยังคงต้องอาศัยบรรดานักเตะที่เล่นในลีกต่างประเทศ นี่เป็นปัญหาที่ทำให้ นายพิม เวอร์บีคปวดหัวมาก ในฐานะที่เป็นโค้ชทีมชาติออสเตรเลีย เขาหวังว่าลีกของออสเตรเลียจะสามารถสร้างนักเตะระดับยอดเยี่ยมให้เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า

"มีนักกีฬาฟุตบอลออสเตรเลียประมาณ 40 คนเล่นในลีกฟุตบอลต่างประเทศ แต่ภายในประเทสออสเตรเลียก็มีลีกเช่นกัน ทั้งหมดมี 10 ทีม ในทีมเหล่านี้ก็มีนักเตะที่เก่งและมีพรสวรรค์ พวกเขาก็มีโอกาสเข้าสู่ทีมชาติออสเตรเลีย"

หลังจากออสเตรเลียเข้าร่วมสหพันธ์ฟุตบอลเอเซียแล้ว นายพิม เวอร์บีคก็ให้ความสนใจอย่างมากต่อการโชว์ฟอร์มของทีมเอเซียในเวิลด์คัพแอฟริกาใต้ แต่เขาก็แสดงความเป็นห่วงว่า

"ผมเห็นว่า ทีมเอเซียทั้งหมดล้วนตกในกลุ่มที่แข็งมาก แน่นอน ในการแข่งขันฟุตบอลโลก การรอดตัวจากกลุ่มเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับทุก ๆ ทีม ผมคิืดว่า ทีมเอเซียต้องใช้ความพยายามเต็มร้อย จึงมีความหวังบ้างที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป ซึ่งรวมถึงทีมออสเตรเลียด้วย"

"กองทัพจิงโจ้"จะสามารถโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว และเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย กระทั่งประสบผลการแข่งขันที่ดีกว่านี้ในเวิลด์คัพแอฟริกาใต้ปี 2010 ได้หรือไม่ แฟนบอลออสเตรเลีย และแฟนบอลเอเซียต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยข่าวดีอยู่

(Pan/Lin)