แจกกี้ ชาน (ซ้าย) แสดงเป็น หวง ซิง นักการปฏิวัติซินไฮ่ (ขวา)
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 100 ปีการการปฏิวัติซินไฮ่ โอกาสนี้ มีการจัดฉายภาพยนตร์ "การปฏิวัติซินไฮ่" (辛亥革命,1911 Revolution) สร้างปรากฏการณ์ฮิตทั่วประเทศจีน ซึ่งเริ่มฉายในแผ่นดินใหญ่จีนตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน และที่เขตไต้หวันตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม นอกจากนี้ ยังมีเกือบ 50 ประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีดาราที่มีชื่อเสียงร่วมแสดงกว่า 70 คน มีการเล่านิทานของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวกับการทำสงครามก่อนและหลังการปฏิวัติซินไฮ่
ภาพของนางสวี จงฮั่น นักการปฏิวัติ ภรรยาของนายหวง ซิง
การดำเนินเรื่องเริ่มต้นจากการลุกขึ้นสู้หวงฮัวก่าง ที่เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง เมื่อวันที่ 27 เดือนเมษายนปี 1911 แต่ได้รับความพ่ายแพ้ จากนั้นในปีเดียวกันเกิดการลุกขึ้นสู้ที่เมืองอู่ชาง มณฑลหูเป่ย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ต่อด้วยการเกลี้ยกล่อมให้ทางราชสำนักชิงสละพระราชบัลลังก์ อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากเหล่าบรรดาขุนศึกและต่างชาติ ทำให้เกิดการลุกขึ้นสู้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วอาณาจักร ในที่สุดราชวงศ์ชิงประกาศสละราชบัลลังก์ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ปี 1912 หรือ ตรงกับวันแรม 10 ค่ำเดือนสิบสองของปี 1911 หรือ ปีซินไฮ่ โดย ดร.ซุน ยัดเซน เป็นผู้นำแห่งการปฏิวัติครั้งนี้ ได้รับการสนุนับสนุนและเงินทุนจากชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก เพื่อให้จีนหลุดพ้นจากความอ่อนแอ และการรังแกจากมหาอำนาจในโลก
เจ้า เหวินซวน (Wiston Chao) ดาราภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงจากไต้หวันแสดงเป็นดร.ซุน ยัดเซน (1866-1925) ขณะที่ แจกกี้ ชาน แสดงเป็นนายหวง ซิง (1874-1916) ผู้บัญชาการใหญ่ของการลุกขึ้นสู้หวงฮัวก่าง เมืองกวางโจว นางสาวหลี่ ปิงปิง แสดงเป็นสวี จงฮั่น ซึ่งทั้งสองคนแปลงตัวเป็นสามีกัน และต่อมาแต่งงานกันจริงและมีลูกด้วยกัน
ภาพยนตร์มีความยาว 2 ชั่วโมง มีฉากสงคราม 5 ฉาก ใช้เวลาร้อยละ 40 ของเรื่อง มีทั้งการสู้รบกลางแจ้ง ทางน้ำ และตามตรอกซอยในหมู่บ้าน
ซุน ฉุน (ซ้าย) แสดงเป็น ยวน ซีไข
นายจาง หลี ผู้กำกับการแสดงกล่าวว่า "ช่วง 100 ปีนี้เหมือนเป็น 100 ปีที่ถูกคลื่นโหมซัดสาด เราโชคดีที่ผ่านชีวิตในช่วงนี้มาได้ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินของทั้งสังคม ชีวิตของแต่ละคนต่างเกิดการเปลี่ยนแปลง ประชาชาติของเราก้าวสู่ความทันสมัย ประชาชนได้เข้าถึงอารยธรรมสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาวได้รับรู้เรื่องราวน้อยมากเกี่ยวกับการปฏิวัติซินไฮ่ หรือแทบไม่รู้เลย ฉะนั้น ในฐานะเป็นผู้ทำงานด้านศิลปะ เรามีหน้าที่และพันธกิจที่จะนำเสนอประวัติศาสตร์ และถ่ายทอดเจตรารมณ์การปฏิวัติครั้งนี้อย่างลึกซึ้งถึงแก่น นี่คือแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ และขอแสดงความคารวะต่อการปฏิวัติซินไฮ่อันยิ่งใหญ่ผ่านภาพยนตร์นี้ด้วย"
นายจาง หลีระบุว่า "การเล่าประวัติศาสตร์" กับ "การเล่านิทาน" ล้วนเป็นเรื่องสำคัญ "ภาพยนตร์ที่ดีนั้นนอกจากมีเนื้อเรื่องที่ดีแล้ว ยังควรมีแนวคิดทางศิลปะและนำเสนอแบบสุนทรียศาสตร์ด้วย"
ภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์นี้นับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร นักแสดงหลายคนแสดงได้ยอดเยี่ยม และสร้างความประทับใจมากที่สุดคือ ยวน ซีไข (1859-1916) และ พระราชชนนีหลง อวี้ (1868-1913) ซึ่งอยู่ในวัยกลางคน แต่มีความคิดที่ลึกซึ้ง ทั้งเพื่อชาติแผ่นดิน และเพื่อลูกหลาน
เฉิน ชง (Joan Chen) แสดงเป็น หลง อวี้ ไทเฮา
ฉากที่น่าประทับใจอื่นๆ ยังมีฉากในเมืองปีนัง มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศต่างๆ มีอิทธิพลต่อเมืองจีน นำพาให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้น จนได้มาซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือ ระบบสาธารณรัฐ จนทำให้มีการสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นในปี 1911 ถือเป็นการสิ้นสุดระบบศักดินาที่มีมานานกว่า 2,000 ปี และทำให้จีนก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
ความสุขของคนในวันนี้นั้นแลกมาด้วยเลือดเนื้อของวีรชนคนรุ่นก่อน เราควรจดจำบุญคุณของคนเขาเหล่านี้ และพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป
โพสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง "การปฏิวัติซินไฮ่"
(YING/LING)