China Radio International
ข่าวภายใน
ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
ข่าวการเมืองและ
การต่างประเทศ
ข่าวเศรษฐกิจ
ข่าววัฒนธรรม
ข่าววิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี่
ข่าวกีฬา
ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>
จีนปัจจุบัน
เศรษฐกิจ
พาเที่ยวจีน
วัฒนธรรม
ชนชาติส่วนน้อย
การเมือง
(GMT+08:00) 2004-07-13 21:45:11
Print
Comment
ซากมนุษย์ปักกิ่ง-ความเป็นมาของมนุษยชาติตอนต้น
cri
ซากมนุษย์ปักกิ่ง?ความเป็นมาของมนุษยชาติ
เมื่อออกจากตัวเมืองปักกิ่งแล้ว เดินทางไปยังทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๕๐ กิโลเมตรก็จะถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในเขตเขาที่มีชื่อว่า "โจวขื่อเตี้ยน" ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้านนี้เป็นเทือกเขา ส่วนด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา ในหมู่บ้านแห่งนี้เคยมีแม่นํ้าสายหนึ่งชื่อ "โจวขื่อ" ซึ่งไหลเลี้ยวลดคดเคี้ยวไปทางทิศใต้มาเป็นเวลาหลายปี ภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีภูเขาเล็กๆที่ตั้งขนานกันสองลูก เป็นภูเขาหินปูน
ขาว มีชื่อว่า "ภูเขาหร่งกู่" ในอดีตที่ผ่านมานานปี หมู่บ้านโจวขื่อเตี้ยนแห่งนี้ไม่มีชื่อเสียงแต่อย่างใด ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ยามว่างจากการทํานาก็เผาปูนขาวเพื่อหารายได้เพิ่มมาจุนเจือครอบครัว
เมื่อปี ๑๙๑๙ นายโจฮัน กุนนาร์ อันเดอร์สัน นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนกับนายอ๊อตโต้ สดันสกี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรียได้เดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งนี้ และได้พบฟันมนุษย์โบราณสองซี่ในถํ้าปูนขาวของชาวบ้าน
เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ปี ๑๙๒๙ นายเผย เหวินจง นักโบราณคดีของจีนได้ขุดพบกระดูกศีรษะในสภาพสมบูรณ์ของมนุษย์ปักกิ่งชิ้นหนึ่งที่ฝังอยู่ในถ้าแห่งหนึ่งของหมู่บ้านโจวขื่อเตี้ยนซึ่งนับเป็นการค้นพบครั้งสําคัญที่สะเทือนวงการวิทยาศาสตร์และโบราณคดีของโลก
ในการขุดค้นทางโบราณคดีต่อจากนั้น นักวิทยาศาสตร์จีนและต่างประเทศได้ค้นพบซากโบราณวัตถุมากมายที่บริเวณภูเขาหร่งกู่ซานในหมู่บ้านโจวขื่อเดี้ยน ซึ่งรวมถึง กะโหลกศีรษะมนุษย์ ๖ ชิ้น เศษโครงกะโหลกศีรษะ ๑๒ ชิ้น ฟัน ๑๕๐ กว่าซี่ตลอดจนเครื่องหินที่มนุษย์ปักกิ่งใช้สำหรับสีไฟเพื่อเป็นแหล่งกำเนิดเชื้อเพลิงและล่าสัตว์จํานวนมากกว่า
หนึ่งแสนชิ้นนับตัั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หมู่บ้านโจวขื่อเดี้ยนไม่ได้เป็นเพียงหมู่บ้านในเขตเขาที่ไร้คนรู้จักอีกต่อไป นักโบราณคดีได้จัดให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาค้นค้นความเป็นมาของมนุษยชาติ ศึกษาสภาพของมนุษย์โบราณที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณหมู่บ้านแห่งนี้เมื่อ ๔ แสน ๕ แสนปีก่อนโน้น และเมื่อเดือนธันวาคม ปี ๑๙๘๗ องค์การยูเนสโก้แห่งสหประชาชาติได้จัดให้ซากมนุษย์ปักกิ่งโจวขื่อเดี้ยนเป็นหนึ่งใน "มรดกวัฒนธรรมโลก"ในฐานะที่เป็นแหล่งกําเนิดมนุษย์อีกแห่งหนึ่งนายแช่ ปิ่นซี เป็นรองผู้อํานวยการพิพิธภัณฑ์ซากมนุษย์ปักกิ่งโจวขื่อเดี้ยน ในช่วง ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมานี้ นายแช่ ปิ่นซีได้ทําการศึกษาค้นคว้ามนุษย์โบราณมาโดยตลอด เขาแสดงความเห็นว่า การค้นพบซากมนุษย์ปักกิ่งโจวขื่อเดี้ยนนั้นมีบทบาทอันสําคัญยิ่งต่อการศึกษาค้นคว้ามนุษย์โบราณของจีนและของโลก นายแช่ ปิ่นซีกล่าวว่า
"การค้นพบซากมนุษย์ปักก่ิงโจวขื่อเตี้ยนนั้นมีบทบาทอันสําคัญยิ่งต่อการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและวิวัฒนาการของมนุษย์เมื่อศตวรรษที่ ๑๙ นายชาร์ล ดาร์วิ่น ได้เสนอทฤษฎีว่าด้วยวิวัฒนาการหรือทฤษฎีเกี่ยวกับความเป็นมาของมนุษย์ ส่วนนาย คาร์ล มาร์กซ์ กับนายฟรีดรีช เอเกเลส ได้เสนอวิภาษวิธีซึ่งได้พิสูจน์บทบาทของการใช้แรงกายในกระบวนวิวัฒนาการที่ลิงเปลี่ยนเป็นมนุษย์จากทฤษฎีซึ่งได้กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ แต่ทฤษฎีดังกล่าวข้างต้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์มาก่ิิอน การค้นพบซากมนุษย์ปักกิ่งโจวขื่อเตี้ยนจึงนับว่าได้พิสูจน์ทฤษฎีเหล่านี้ให้เห็นจริงโดย ได้แสดงให้เห็นว่า มนุษย์นั้นมีสภาพความเป็นมาและวิวัฒนาการอย่างไร
ขาว มีชื่อว่า "ภูเขาหร่งกู่" ในอดีตที่ผ่านมานานปี หมู่บ้านโจวขื่อเตี้ยนแห่งนี้ไม่มีชื่อเสียงแต่อย่างใด ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ยามว่างจากการทํานาก็เผาปูนขาวเพื่อหารายได้เพิ่มมาจุนเจือครอบครัว 
"การค้นพบซากมนุษย์ปักก่ิงโจวขื่อเตี้ยนนั้นมีบทบาทอันสําคัญยิ่งต่อการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและวิวัฒนาการของมนุษย์เมื่อศตวรรษที่ ๑๙ นายชาร์ล ดาร์วิ่น ได้เสนอทฤษฎีว่าด้วยวิวัฒนาการหรือทฤษฎีเกี่ยวกับความเป็นมาของมนุษย์ ส่วนนาย คาร์ล มาร์กซ์ กับนายฟรีดรีช เอเกเลส ได้เสนอวิภาษวิธีซึ่งได้พิสูจน์บทบาทของการใช้แรงกายในกระบวนวิวัฒนาการที่ลิงเปลี่ยนเป็นมนุษย์จากทฤษฎีซึ่งได้กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ แต่ทฤษฎีดังกล่าวข้างต้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์มาก่ิิอน การค้นพบซากมนุษย์ปักกิ่งโจวขื่อเตี้ยนจึงนับว่าได้พิสูจน์ทฤษฎีเหล่านี้ให้เห็นจริงโดย ได้แสดงให้เห็นว่า มนุษย์นั้นมีสภาพความเป็นมาและวิวัฒนาการอย่างไร