China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2004-08-04 19:55:55    
กำแพงเมืองจีน

cri

เมื่อเดือนธันวาคมปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน"รายชื่อมรดกของโลก"

กำแพงเมืองจีนเป็นโครงการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อารยธรรมของมนุษย์ เริ่มก่อสร้างในสมัยชุนชิวจั้นกั๋วเมื่อ 2000กว่าปีที่แล้ว เมื่อราชวงค์ฉินรวมจีนเป็นเอกภาพแล้ว ได้เชื่อมกำแพงเมืองจีนเข้าด้วยกันให้เป็น " กำแพงหมื่นลี้" หรือภาษาจีนจะเรียกกันว่า"หวั่นหลี่ฉางเฉิง" ส่วนในสมัยราชวงค์ฮั่นและราชวงค์หมิง ก็ได้มีการปฏิสังขรครั้งใหญ่ โครงการดังกล่าวนี้มีความยิ่งใหญ่ และเกรียงไกรอย่างยิ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น"สิ่งมหศจรรของโลก" พร้อมกับกาลเวลาที่ผ่านไป ความยิ่งใหญ่นั้นก็ยังคงเดิม แต่บุคคลต่างๆหลายฝ่ายทีเกี่ยวข้องกลับสูญสลายไปตามกาลเวลา ในปัจจุบันถ้าท่านปีนขึ้นไปบนซากกำแพงเมืองจีนในอดีต ไม่เพียงแต่จะได้มองเห็นสภาพที่เต็มไปด้วยลักษณะองอาจของกำแพงเมืองจีนที่คดเคี้ยวลดเลี้ยวไปตามเทือกเขาเท่านั้น หากยังได้ประจักษ์ถึงรู้สติปัญญาของประชาชาติจีนในการสร้างประวัติศาตร์อีกด้วย

กำแพงเมืองจีนตั้งอยู่ทางภาคเหนือของจีน ทิศตะวันออกเริ่มต้นจากด่านซานไห่ ทิศตะวันตกไปยังด่านเจียยู่ มีความยาวทั้งหมดประมาณ 6,700กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่า"กำแพงหมื่นลี้"

การสร้างกำแพงเมืองจีนใช้เวลาติดต่อกันประมาณกว่า 2000ปี ตามสถิติในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ก่อนค.ศ. ก๊กฉู่ก็ได้เริ่มก่อสร้างกำแพงที่เรียกว่า"กำแพงสี่เหลี่ยม" จนถึงสมัยราชวงค์หมิง (ปี 1368-1644) มีก๊กต่างๆและราชวงค์กว่า 20สมัยได้ก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ในประวัติศาสตร์ สมัยราชวงค์ฉิน ฮั่นและหมินทั้งสามราชวงค์นี้ต่างได้สร้างกำแพงเมืองจีนขึ้นระยะทางกว่า 5,000กิโลเมตร ถ้าเอากำแพงเมืองจีนที่สร้างในทุกๆสมัยมาเชื่อมต่อกัน จะมีความยาวมากว่า 50,000กิโลเมตร ถ้าเอาหินและดินที่สร้างกำแพงเมืองจีนมาสร้างดำแพงอีกแห่งหนึ่งที่มีความหนา 1เมตร และสูง 5เมตร กำแพงแห่งนี้ก็จะสามารถโอบรอบโลกได้ถึงหนึ่งรอบกว่าๆเลยทีเดียว

โครงสร้างหลักของกำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงที่ใหญ่โตสูงส่งที่ยาวเหยียดกว่าหมื่นลี้ ส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนเทือกเขา อยู่บนยอดเขาและได้กำหนดขอบเขตของเขตเขาต่างๆอย่างชัดเจน เสมือนมังกรยักษ์ที่เห็นบินไปสู่ท้องฟ้า จนได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประชาชาติจีน กำแพงเมืองจีนที่มีระยะทางกว่าหมื่นลี้นี้ มีด่านที่ยิ่งใหญ่กว่าร้อยแห่ง มีป้อมและหอคอยเรือนหมื่นเรือนแสน จึงได้ทำให้กำแพงเมืองจีนไม่ได้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว และพร้อมกับสภาพภูมิประเทศที่สูงต่ำไม่เท่ากันนั้น จึงก่อให้เกิดรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงภัยและในเวลาเดียวกันก็เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งศิลปะอันลึกล้ำ

ทัศนียภาพของกำแพงเมืองจีนในท้องที่ต่างๆนั้น กำแพงเมืองจีนช่วงปาต๋าหลิ่งของกรุงปักกิ่งเป็นช่วงที่หนาแน่นที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้สมบูรณ์ที่สุด เป็นสถานที่ดีที่สุดสำหรับเที่ยวชมกำแพงเมืองจีน นอกจากนี้ ยังมีกำแพงเมืองจีน"จินซานหลิ่ง" กำแพงเมืองจีน"มู่เถียนยู่" กำแพงเมืองจีน"เซิอหม่าไถ"และกำแพงเมืองจีน"กู่เป่ยโข่ว" เป็นต้น นอกจากกำแพงเมืองจีนเหล่านี้ ในประเทศจีนยังมีกำแพงเมืองจีนอีกหลายที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น กำแพงเมืองจีน"หวางหยากวัน"ในนครเีทียนสิน ด่าน"ซานไห่กวัน"ของกำแพงเมืองจีนในมณฑลเหอเป่ยและด่าน"เจียยู่กวัน"ของกำแพงเมืองจีนในมณฑลกันซู่ เป็นต้น

กำแพงเมืองจีนเป็นโครงการป้องกันประเทศด้านการทหารแห่งชาติจีนที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุดและใช้กำลังก่อสร้างใหญ่ทีุ่สุดของโลกในยุคสงครามใช้อาวุธมีคมที่ทำด้วยโลหะ เป็นสถานที่ที่ได้มาด้วยเลือดหยดเหงื่อและสติปัญญาของบรรพบุรุษ คณานับเป็นสัญลักษณ์และความภาคภูมิใจของประชาชาติจีน

ตามบันทึกของประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยจั้นกั๋วเป็นต้นมา มีก๊กและเขตแคว้นต่างๆกว่า 20ประเทศที่เคยร่วมสร้างกำแพงเมืองจีน ประเทศแรกสุดคือก๊กฉู่ สร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันชาวปศุสัตว์หรือประเทศที่เป็นศัตรูในภาคเหนือ ต่อจากนั้น ก๊กฉี ยั่น เว่ย เจ้า และฉิน เป็นต้น ต่างได้สร้างกำแพงเมืองจีนโดยมีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกัน หลังจากก๊กฉินได้รวมหกก๊กของจีนเข้าเป็นเอกภาพแล้ว ฉินซีฮ่องเต้ได้สั่งให้นายเหมิงคั่ว แม่ทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดังออกศึกโจมตีชาวเลี้ยงสัตว์ และเชื่อมกำแพงเมืองจีนของก๊กต่างๆเข้าด้วยกัน โดยเริ่มต้นจากเมืองหลินเจ้าในภาคตะวันตกไปจรดเมืองเหลียวตงในภาคตะวันออก มีระยะทางยาวเหยียดกว่าหมื่นลี้ และได้สมญานามว่าเป็น"กำแพงหมื่นลี้" แต่กำแพงเมืองจีนที่เราสามารถเห็นกับตาในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่เป็นกำแพงเมืองจีนที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงค์หมิง

ส่วนสำหรับกำแพงเมืองจีนที่สร้างในสมัยราชวงค์ฉินนั้น ตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง ฉินซีฮ่องเต้ได้ใช้แรงงานถึง 3แสนคนเพื่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งถือเป็นสิ่งมหศจรรย์ในประวัติศาสตร์ด้านสถาปัตยกรรมแห่งมนุษยชาติ การก่อสร้างกำแพงเมืองจีนนั้น สาเหตุที่แท้จริงก็เพื่อป้องกันชาวปศุสัตว์ลงใต้รุกรานประเทศ และป้องกันการพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเขตภาคกลางของจีน ดร.ซุนยัดเซ็นเคยประเมิินว่า แม้ฉินซีฮ่องเต้จะมีความโหดร้ายทารุณก็ตาม แต่การสร้างกำแพงเมืองจีนเป็นผลงานยิ่งใหญ่สำหรับชนรุ่นหลัง อาจเปรียบเสมือนกับการที่"ต้าหยู่"บำบัดน้ำท่วมในสมัยโบราณก็ว่าได้

เมื่อถึงสมัยราชวงค์ฮั่น ก็ได้ปฏิสังขรกำแพงเมืองจีนต่อไป ตั้งแต่ปี 180ก่อนค.ศ.-ปี 49ก่อนค.ศ. ราชวงค์ฮั่นได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยาวเหยียดที่สุดในประวัติศาสตร์ มีความยาวประมาณ 10,000กิโลเมตร ทิศตะวันตกไปถึงเมืองต้าหยวนเย่อเซอ ทิศตะวันออกไปถึงฝั่งตะวันออกแม่น้ำเฮยหลงเจียง เส้นทางแพรไหมในสมัยโบราณก็มีครึ่งหนึ่งที่เดินไปตามแนวกำแพงเมืองจีนสายนี้ และจนถึงสมัยราชวงค์หมิง ไม่เคยหยุดการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อต่อต้านการรุกรานของชนเผ่าต๋าต๋าและชนเผ่าหว่าล่า ตั้งแต่ปี 1368-1587 ราชวงค์หมิงได้ต่อเติมกำแพงเมืองจีนครั้งใหญ่ถึง 20ครั้ง จนได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยาว 6,350กิโลเมตรโดยเริ่มตั้งแต่ด่านเจียยู่กวันของมณฑลกันซู่ในภาคตะวันตกของจีนจรดเขตภูเขาเสือในภาคตะวันออกของมณฑลเหลียวหนิง (แต่มีข่าวรายงานว่า เมื่อปี 1990 เคยมีชาวจีนผู้หนึ่งออกเดินทางรอบกำแพงเืมืองจีนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จากเครื่องคิดระยะทางตามจังหวะก้าวเดินของมนุษย์ปรากฎว่ากำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมด 6,700เมตร)

กำแพงเมืองจีนมีคุณค่าด้านการท่องเที่ยวและทรงความหมายทางประวัติิศาสตร์และวัฒนธรรมจีนอย่างสูง ปัจจุบัน หลังจากได้ซ่อมแซมด้วยความจริงจังที่บริเวณต่างๆ เช่น ด่าน"ซานไห่กวัน" ด่าน"จูยอนกวัน"ของปาต๋าหลิง ด่าน"เซอหม่าไถ" ด่าน"มู่เถียนยู่"และด่าน"เจียยู่กวัน"ของกำแพงเมืองจีนแล้วสถานที่เหล่านี้ได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังไปทั่วโลก เมื่อปีนขึ้นไปที่สูงและมองลงมาจากระยะไกลแล้ว หวนคิดถึงอดีต สนามรบในสมัยโบราณก็อาจจะปรากฎขึ้นในจินตภาพ บัดนี้ กำแพงเมืองจีน ปิรามิดของอียิปต์ สนามการประลองกำลังต่อสู้กับสัตว์ของโรมัน และหอเอนพิซาของอิตาลีเป็นต้น ต่างก็ได้สมญานามว่าเป็นหนึ่งใน"สิ่งมหศจรรย์ 7อย่างของโลก" ซึ่งถือเป็นเสมือนป้ายบอกระยะทางและสิ่งที่รวบรวมสติปัญญาของประชาชาติและวัฒนธรรมเก่าแก่ของมนุษย์ สำหรับกำแพงเมืองจีนก็เริ่มกันเป็นเสมือนสัญลักษณ์บ่งบอกว่าประชาชาติจีนมีสายเลือดแห่งความยิ่งใหญ่ทรงพลังและเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนสติปัญญาและจิตใจที่กล้าหาญของชนชาติจีนให้ลูกหลานจีนและชาวโลกได้ประจักษ์

แม้ชนกี่รุ่นต่อกี่รุ่นได้สูญสลายไปแล้วตามธรรมชาติและกาลเวลา แต่กำแพงเมืองจีนก็ยังคงแสดงศักยภาพอยู่คู่ประชาชาติจีนตลอดไปไม่เืสื่อมคลาย