สวัสดีครับท่านผู้ฟังที่เคารพ ยินดีต้อนรับสู่รายการวัฒนธรรมจีนประจำวันอังคารกับผม ยงเกีรยติ ลู่ ท่านผู้ฟังครับ ในประวัติศาสตร์โบราณของจีน "ซางทัง"เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่ง เขาได้โค่นล้มราชวงศ์ "เซี่ย"ที่ปกครองเขตภาคกลางของจีนในสมัยนั้น และก่อตั้งราชวงศ์ซางขึ้นซึ่งมีอายุนานถึงกว่าห้าร้อยปี รายการวัฒนธรรมจีนวันนี้ ผมขอแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับซางทังครับ

ราชวงศ์ "เซี่ย" เป็นราชวงศ์แรกของจีน "เจี๋ย" กษัิตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์เซี่ยเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาและโหดเหี้ยม เล่ากันว่า "เจี๋ย" ออกคำสั่งให้ขุดบ่อเหล้าขนาดใหญ่ภายในพระราชอุทยาน สามารถให้คนหลายพันคนลงไปนั่งดื่มเหล้าในบ่อได้ "เจี๋ย"จัดงานเลี้ยงเหล้าบ่อยๆ มีคนไม่น้อยตกบ่อเหล้าตายด้วยความมึนเมา "เจี๋ย"กับนางสนมดูงานเลี้ยงดื่มเหล้าเฮฮาเป็นความรื่นเริงบันเทิงใจอย่างหนึ่ง เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายก้อนมหึมาของตน "เจี๋ย" สั่งให้เก็บภาษีอากรจากประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเป็นภาระหนักให้กับประชาชน นานเข้า ประชาชนจึงพากันโกรธแค้น"เจี๋ย"

ในเวลานั้น ภายใต้การปกครองของราชวงศ์เซี่ยมีรัฐเล็กรัฐหนึ่ง เรียกว่า รัฐ"ซาง" "ซางทัง" เป็นกษัตริย์ของรัฐซาง ซางทังเป็นคนใจกว้างและมีความเมตตาปรานี จึงเป็นที่ยอมรับและได้รับความเคารพจากประชาชน มีเรื่องเล่ากันว่า วันหนึ่ง ซางทังออกไปเที่ยวนอกวัง เห็นคนคนหนึ่งกางตาข่ายอันใหญ่เอาไว้ดักนกและกล่าวอธิษฐานว่า "ขอให้นกในโลกล้วนมาติดตาข่ายของข้าเถิด" ซางทังได้ยินก็อุทานว่า "ถ้าเช่นนั้น นกในโลกก็จะต้องตายหมดนะซี " เขาจึงสั่งให้คนจับนกผู้นี้รื้อตาข่ายยักษ์ออกไป และให้เปลี่ยนใช้ตาข่ายขนาดเล็กลงแทน เมื่อบรรดากษัตริย์ของรัฐเล็กๆอื่นๆได้ฟังเรื่องนี้แล้ว ต่างก็ลงความเห็นว่า ซางทังเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาปรานี จึงพากันมุ่งหน้าไปขอพึ่งบารมีของซางทัง ซางทังจึงแต่งตั้งผู้มีความสามารถและมีศีลธรรมให้เป็นผู้ช่วย แล้วร่วมกันวางแผนโค่นล้มราชวงศ์เซี่ย ในทางกลับกัน "เจี๋ย"แห่งราชวงศ์เซี่ยเอาแต่ชีวิตฟุ่มเฟือยและมั่วโลกีย์ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตีตัวออกห่าง หลังการสู้่รบผ่านศึกถึง11 ครั้ง ซางทังก็โค่นล้มราชวงศ์เซี่ยได้สำเร็จเมื่อประมาณศตวรรษที่ 16 จากนั้น ซาังทังก็ได้สถาปนาราชวงศ์ซางขึ้นในเมืองบั๋วซึ่งก็คือเมืองซางชิวในมณฑลเหอหนานปัจจุบัน

เรื่องราวเกี่ยวกับศีลธรรมของซางทังมีมากมาย หนังสือประวัติศาสตร์บันทึีกไว้ว่้า หลังจากซางทังสถาปนาประเทศขึ้นได้ไม่นาน ได้เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี การเก็บเกี่ยวอาหารไม่ได้ผล ผู้ัคนต่างก็คิดว่า เทพเจ้าบนสวรรค์ทรงพระพิโรธและทรงลงโทษโลกมนุษย์ พวกพ่อมดก็เสนอให้เอาคนเป็นๆมาเซ่นไหว้เทพเจ้า ซางทังเสนอตัวว่า "ถ้าจนะต้องเอาคนมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้ ก็เอาข้าเถิด" ซางทังจึงขึ้นรถสีขาว ใส่้เสื้อผ้าใบ เดินทางไปที่สวนต้นหม่อนและอธิษฐานว่า "เวลานี้โลกเกิดภัยแห้่งแล้งอย่างร้ายแรง ภัยพิบัตินี้ควรให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว ขอให้เทพเจ้าบนสวรรค์อย่าได้นำำัภัยพิบัติมาสู่มวลประชาชน อย่าได้ทำร้ายชาวบ้านเพราะความโง่ของข้าพเจ้าคนเดียวเลย " พออธิษฐานจบ ซางทังก็เตรียมจะฆ่าตัวตายเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า ทันใดนั้น ฝนก็เทลงมาจากฟากฟ้า ผู้คนจึงคิดว่า คำพูดและการปฏิบัติตัวของซางทังคงเป็นที่สะเทือนใจของเทพเจ้าบนสวรรค์เป็นแ่น่

หลังจากสถาปนาประเทศขึ้นแล้ว ซางทังได้ใช้มาตรการที่มีประสิทธิผลต่างๆเพื่อเสริมสร้างระบอบอำนาจรัฐ เช่น ให้รัฐต่า่งๆปกครองตนเองในระดับสูง รัฐบาลส่วนกลางเพียงเก็บภาษีอากรอย่างพอเหมาะพอสมเท่านั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระหนัก ซางทังยังได้แบ่งเขตบริหารประเทศ ให้บรรดาขุนนางและบริวารจากเผ่าชนเดียวกันกับตนซึ่้งเคยติดตามซางทังทำศึกสงคราม กระจายลงไปใช้ชีวิตอยู่ตามท้องที่ต่างๆทั่วประเ่ทศ การทำเช่นนี้ ด้านหนึ่ง มีส่วนช่วยในเรื่องความมั่นคงของประเทศ อีกด้านหนึ่ง ทำให้ชนเผ่าซางกับชนเผ่าอื่นๆค่อยๆรวมกันเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียว วางรากฐานให้แก่ประชาชาติจีนให้มีสภาพเป็นประเทศหลายชนชาติแต่มีความเป็นเอกภาพสืบต่อมา

ราชวงศ์ซางที่สร้างขึ้นโดยซางทังเป็นยุคแรกของจีนที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ตัวอักษรที่แกะสลักบนกระดูกสัตว์หรือเปลือกหอยที่มีขึ้นในยุคราชวงศ์ซางก็ได้พัฒนาจนกลายเป็นอักษรภาษาจีนในเวลาต่อมา ส่วนอารยธรรมสัมฤทธิ์ของราชวงศ์ซางก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน มรดกอันยิ่งใหญ่ที่เหลือตกทอดมาจากราชวงศ์ซางยังคงเป็นที่จับตามองของบรรดานักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ืทั้งหลาย

ท่านผู้ฟังครับ ที่จบลงคือบทแนะนำซางทัง-กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ซาง รายการวัฒนธรรมจีนวันนี้ขอยุติลงเพียงเท่านี้ ต่อไปขอเชิญท่านฟังข่าววัฒนธรรมครับ