ระหว่างการเลือกตั้งนายกรัฐมนตนรีด้วยการลงคะแนนเสียงแบบระบุชื่อซึ่งจัดขึ้นที่วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 26 กันยายนนี้ นายชินโซะ อาเบะ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่นได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีรุ่นใหม่ของญี่ปุ่น สมความปรารถนาของเขา แต่ว่า หลังจากที่ได้เข้าดำรงตำแหน่งแล้ว เขาก็จะพบว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนนตรีนี้ไม่ใช่เป็นได้ง่ายๆ เลย เพราะว่าสิงท้าทายต่างๆ ที่อยู่ต่อหน้าเขานั้นล้วนมีความหนักหน่วงไม่ว่าในเรื่องกิจการภายในหรือกิจการต่างประเทศ

ด้านกิจการภายในนั้น สิ่งที่นายชินโซะ อาเบะเผชิญอยู่ก็คือ ปัญหาความยุ่งยากกองใหญ่ที่นายจุนิชิโระ โคอิซุมิ อดีตนายกรัฐมนตรีทิ้งไว้ให้เขา ที่สำคัญก็คือ ปัญหาความไม่เที่ยงธรรมในด้านการกระจายทรัพย์สินทางสังคม รายได้ต่อปีนับวันหดตัวน้อยลงและความสงบเรียบร้อยทางสังคมนับวันอยู่ในสภาพย่ำแย่ เป็นต้น ผลการหยั่งเสียงประชาชนญี่ปุ่นบางรายครั้งล่าสุดพบว่า ปัญหาดังกล่าวล้วนเป็นปัญหาที่ประชาชนญี่ปุ่นให้ความสนใจกันมากที่สุด และล้วนเกี่ยวข้องถึงเศรษฐกิจกันเกือบทุกเรื่อง แต่นายชินโซะ อาเบะกลับมีจุดอ่อนทางด้านเศรษฐกิจพอดี ซึ่งตัวเขาก็รู้อยู่แก่ใจ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยกตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีให้กับนายชิโอซากิ ยาซูฮิซา "พันธมิตร" ของเขา ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่านายชิโอซากิ ยาซูฮิซาเคยทำงานในธนาคารของญี่ปุ่นและมีความชำนาญด้านนโยบายทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นายชินโซะ อาเบะยังได้แต่งตั้งนายมาโทอิบะ จุนโซ วัย 72 ปีให้นั่งเก้าอี้รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เนื่องจากว่า คนคนนี้เคยทำงานที่กระทรวงการคลังมาก่อน และเป็นผู้ที่เคยทำงานด้านเศรษฐกิจอีกด้วย

ส่วนในด้านกิจการต่างประเทศนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกสำหรับนายชินโซะ อาเบะก็คือ การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียและทำให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะโดดเดี่ยวในเอเชีย เขาแถลงในที่ประชุมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาได้รับเลือกเป็นนายกฯ ว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศเอเชีย ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการต่างประเทศในเอเชีย ญี่ปุ่นยินดีที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ เช่น จีน เกาหลีใต้และรัสเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เขายังกล่าวด้วยว่า กล่าวสำหรับญี่ปุ่นแล้ว จีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญมาก การพัฒนาของจีนมีส่วนช่วยต่อการพัฒนาของญี่ปุ่น ฉะนั้น เขาจะใช้ความพยายามในการเปิดการเจรจาระดับผู้นำระหว่างญี่ปุ่นกับจีนครั้งใหม่ ท่าทีดังกล่าวของนายชินโซะ อาเบะนับว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่ถ้าได้แต่ "พูด" แล้วไม่ "ทำ" ก็ย่อมจะเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่นายชินโซะ อาเบะจะเลี่ยงไม่ได้ ก็คือ การคารวะศาลเจ้ายาซูคูนิ ขณะนี้ ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่หวังว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นจะสามารถปรับความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนและความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ให้ดีขึ้นและให้ญี่ปุ่นก้าวออกจากภาวะยากลำบากทางการต่างประเทศในเอเชียได้ แต่ผู้คนก็สังเกตว่า นายชินโซะ อาเบะจะใช้กลยุทธ "คลุมเครือ" ในเรื่องทัศนะต่อประวัติศาสตร์และเรื่องการคารวะศาลเจ้ายาซูคูนิ นอกจากนั้นยังใช้คำพูดอ้อมค้อมไม่ชัดเจนในเรื่องการประเมินประวัติศาสตร์ช่วงสงครามรุกรานและการยอมรับคำวินิจฉัยความผิดในการก่อสงครามด้วย