ในสมัยชุนชิว รัฐจิ้นยกกำลังทหารไปช่วยรัฐเจิ้นต่อต้านการ รุกโจมตีของรัฐฉู่ แต่กองทหารไปถึงรัฐเจิ้นล่าช้าไปหน่อย รัฐเจิ้นได้ยอมแพ้ต่อกองทหารรัฐฉู่เสียแล้ว ในยามนี้ สวิน หลินฟู่ขุนพลผู้บัญชาการใหญ่ของกองทหารจิ้นมีความเห็นให้ ถอยทัพ แต่รองผู้บัญชาการกลับคัดค้าน เนื่องจากมีความ

เห็นไม่ตรงกัน กองทหารรัฐจิ้นถูกทหารรัฐฉู่ตีพ่ายไปในที่สุด

กษัตริย์จิ่งกงแห่งรัฐจิ้นทราบข่าวนี้ทรงกริ้วยิ่ง เมื่อขุนพล ของรัฐจิ้นกลับประเทศแล้ว กษัตริย์จิ่งกงทรงมีรับสั่งให้เหล่า ขุนพลเข้าเฝ้า และไล่เลียงความรับผิดชอบของขุนพลแต่ละ คน ขุนพลทั้งหลายเห็นกษัตริย์จิ่งกงทรงพิโรธ ต่างได้แต่ คุกเข่าอยู่ข้างๆไม่กล้ากล่าวว่ากระไร สวินหลินฟู่นั้นคำนึงว่า ตนนั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ ควรต้องรับผิดชอบต่อการพ่ายแพ้ ครั้งนี้ จึงคุกเข่ารุดไปข้างหน้าก้าวหนึ่งทูลว่า"โทษครั้งนี้ของ

ข้าพระองค์นั้นถึงจะตายเป็นหมื่นๆครั้งก็ยังไม่สาสม บัดนี้ ฝ่า บาทโปรดพระราชประทานความตายแก่ข้าพระองค์สักครั้งเถิด"

ในขณะที่กษัตริย์จิ่งกงทรงพิโรธยิ่งนี้ได้ทรงสะบัดแขนเสื้อ โดยมีนัยยะให้ทหารองครักษ์จับมัดตัวสวินหลินฟู่ ในยามนี้ ซื่อเจินจื่อผู้เป็นมหาอำมาตย์ได้ก้าวออกมายับยั้งไว้ โดยทูล ต่อกษัตริย์จิ่งกงอยางไม่รีบร้อนว่า "เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน กษัตริย์เหวินกงในอดีตของรัฐจิ้นได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ในการ ทำสงครามกับรัฐฉู่ที่เมืองผูหยาง ผู้คนในรัฐจิ้นต่างมีความปิติ

ยินดีกันถ้วนหน้า แต่กษัตริย์เหวินกงกลับไม่มีพระพักตร์ยินดีเลย คนข้างเคียงต่างรู้สึกประหลาดใจ จึงทูลถามพระองค์ว่า ในเมื่อ โจมตีข้าศึกที่เข้มแข็งพ่ายแพ้ไปแล้ว ฝ่าบาทเหตุไฉนยังทรง กลัดกลุ้มเล่า? กษัตริย์เหวินกงตรัสว่า การศึกครั้งนี้ เนื่องจาก เราใช้หลักการยุทธศาตร์ที่ถูกต้อง ได้ตีปีกซ้าย ปีกขวาของทหาร รัฐฉู่แตกพ่ายไป จึงทำให้ขุนพลจื่ออวี้ผู้บัญชาการของกองทหาร กลางต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง ไม่อาจกอบกู้สถาน การณ์กลับคืนมาได้ จึงได้แต่ถอนทหารกลับ. กองทหารรัฐฉู่ แม้พ่ายแพ้ แต่แม่ทัพใหญ่จื่ออวี้ยังอยู่ ไม่อาจไม่ระวัง สัตว์ถูก ล้อมยังสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจื่ออวี้ที่เป็นนายทหารคนสำคัญ แล้วเราจะปิติยินดีได้อย่างไร เขาจะต้องมาแก้แค้นเป็นแน่? จน ภายหลังที่กษัตริย์รัฐฉู่ทรงประหารจื่ออวี้แล้วเท่านั้น กษัตริย์เหวิน กงค่อยมีพระพักตร์ที่ปิติยินดี การที่กษัตริย์รัฐฉู่ทรงสังหารจื่ออวี้ นั้นเป็นการได้ช่วยรัฐจิ้นเรา หากกล่าวว่ารัฐฉู่ถูกอดีตกษัตริย์รัฐจิ้น ตีพ่ายเป็นความปราชัยครั้งหนึ่ง ถ้าเช่นนั้น การสังหารจื่ออวี้ก็ เป็นความปราชัยอีกครั้งหนึ่ง บัดนี้ฝ่าบาทจะสังหารสวินหลินฝู่..."

กษัตริย์จิ่งกงฟังคำกราบทูลของมหาอำมาตย์ซื่อเิจินจื่อแล้ว ทรงรู้องค์อย่างฉับพลัน รีบตรัสยิ้มๆว่า"ท่านมหาอำมาตย์อย่าได้ กล่าวอีกแล้ว เราเข้าใจแล้ว เราสังหารสวินหลินฝู่ มิเป็นการ ได้ช่วยรัฐฉู่ดอกหรือ? ถ้าเช่นนั้น พวกเรามิใช่จะพ่ายแพ้แล้ว พ่ายแพ้อีกดอกหรือ?"

ดังนั้น กษัตริย์จิ่งกงจึงทรงนิรโทษสวินหลินฝู่และบรรดาขุน

พลทั้งหลาย.

สำนวน"สัตว์ถูกล้อมยังสู้็"มีความหมายว่า สัตว์ที่ถูกล้อมขังยัง จะฮึดสู้เป็นครั้งสุดท้าย เป็นการอุปมาว่าถึงจะตกอยู่ในภาวะอับ จนก็จะดิ้นรนต่อต้านจนถึงที่สุด สำนวน"สัตว์ถูกล้อมยังสู้" ภาษา จีนอ่านว่า""(คุ่น โซ่ว อิ๋ว โต้ว) คำ ว่า "k?n sh?u"(คุ่น โซ่ว)ในที่นี้แปลว่าสัตว์ที่ถูกล้อมขังหรือ

ปิดล้อม คำว่า"y?u "(อิ๋ว)ในที่นี้แปลว่า"ยัง" สำนวน" " (คุ่น โซ่ว อิ๋ว โต้ว)หรือสัตว์ถูกล้อมยังสู้ เทียบเคียงได้กับสำนวนไทยที่ว่า"หมาจนตรอก"คือคนที่ฮึดสู้อย่างสุดชีวิตเพราะไม่มีทางเลือก.