|

สวัสดีค่ะ ท่านผู้ฟังที่เคารพ ไห่รุ่ย (Hai Rui, 1514-1587) เป็นขุนนางซื่อสัตย์ที่มีชื่อเสียงสมัยราชวงศ์หมิง จนได้รับการขนานนามว่า "เปาบุ้นจิ้นแห่งปักษ์ใต้" หรือ "ฟ้าสีทองตระกูลไห่" ชั่วชีวิตของเขาเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้ที่กระทำผิด เชิดชูผู้กระทำความดี และสร้างผลประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชน ชื่อเสียงเกียรติยศของเขาเป็นที่รู้จักกันจนถึงปัจจุบัน รายการวันนี้ ดิฉันขอเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับไห่รุ่ยค่ะ
ไห่รุ่ยเป็นคนชนชาติหุย เกิดที่ไหหลำ ตระกูลของเขาเคยเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่มาแล้วหลายชั่วอายุ แต่สำหรับตัวเขาแล้วชีวิตค่อนข้างแร้นแค้น เนื่องจากกำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ อย่างไรก็ตาม มารดาของเขาเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งและรู้จักอดออม นางหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเย็บปักถักร้อย และสั่งสอนลูกอย่างดี ไห่รุ่ยได้อ่านหนังสือลัทธิขงจื๊อมาตั้งแต่เด็ก จึงได้รับการปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับ "การตอบแทนบุญคุณแผ่นดินและรักประชาชน" อยู่ในสายเลือดอย่างเหนียวแน่น
ปีคริสต์ศักราช 1569 ไห่รุ่ยได้รับเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ว่าการแคว้นเจียงหนัน คือ พื้นที่ลุ่มแม่น้ำแยงซีตอนปลาย ได้แก่ เมืองนานกิงและซูโจว เป็นต้น ซึ่งเป็นดินแดนอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่หลังจากที่ไห่รุ่ยเข้าดำรงตำแหน่งแล้วไม่นาน เขากลับพบว่า ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวมีชีวิตยากลำบากเพราะต้องจ่ายสรรพสามิตและภาษีอากรอย่างหนัก ถูกขุนนางทุจริตกดขี่ขูดรีด ยามที่เกิดภัยน้ำท่วม ราคาพืชพันธุ์ธัญญาหารก็พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ประชาชนต้องอพยพไปขอทานที่ต่างถิ่น ไห่รุ่ยจึงลงมือแก้ไขทั้งเรื่องภัยน้ำหลากและเรื่องการกู้ภัยบรรเทาทุกข์ กล่าวกันว่า เขาเรียกประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนเพราะข้าวยากหมากแพงไปช่วยกันขุดลอกแม่น้ำลำคลอง ทำให้สามารถระบายลงออกสู่ทะเลได้ เป็นการแก้ปัญหาภัยน้ำท่วม ต่อจากนั้น ไห่รุ่ยก็ยื่นถวายหนังสือถึงพระเจ้าแผ่นดินให้พระราชทานธัญญาหารที่เก็บจากประชาชนส่วนหนึ่งให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัย เป็นการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ประชาชนที่อยู่ใต้การปกครองของเขาจึงพากันสรรเสริญแซ่ซ้องไห่รุ่ยซึ่งเป็นขุนนางดีเด่นเยี่ยงบิดามารดา

เจ้าที่ดินบางรายใช้อิทธิพลไม่จ่ายภาษีหรือจ่ายน้อยกว่าที่ควร โดยปัดภาระไปให้กับชาวนาผู้ซึ่งมีที่ดินเพาะปลูกน้อยนิดอยู่แล้ว เพิ่มความทุกข์ให้ประชาชนต้องแบกรับภาษีหนักอึ้งลงไปอีก เพื่อให้ประชาชนพ้นจากภาวะสภาพดังกล่าว ไห่รุ่ยจึงออกคำสั่งให้บรรดาเจ้าที่ดินนำที่ดินจำนวนมากที่ปล้นชิงจากชาวนาไปคืนให้ชาวนาเจ้าของที่ดิน อีกทั้งสั่งให้ทำการแจ้งปริมาณที่ดินที่แต่ละครอบครัวใช้เพาะปลูก และให้จ่ายภาษีธัญญาหารตามจำนวนที่ดินในการครอบครอง ด้วยวิธีนี้ ประชาชนจึงจ่ายภาษีอย่างยุติธรรมไม่ถูกบังคับรีดไถ่อย่างเคย
อย่างไรก็ตาม การกระทำต่างๆ ของไห่รุ่ยสร้างความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของบรรดาผู้ดีและเจ้าที่ดินอย่างร้ายแรง พวกเขาจึงได้รวมหัวกันล่ารายชื่อถวายกษัตริย์ ตั้งข้อกล่าวหาฟ้องร้องไห่รุ่ยว่าให้การสนับสนุนโจรสลัดญี่ปุ่นที่รุกรานชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีน ในที่สุดไห่รุ่ยถูกปลดออกจากตำแหน่ง เขากลับไปบ้านที่ไหหลำและใช้ชีวิตแบบสามัญชนเป็นเวลา 16 ปี ชั่วชีวิต ไห่รุ่ยคัดค้านการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด ไม่เคยรับสินบนใคร และไม่เคยให้สินบนใครด้วย โดยเห็นว่า การให้สินบนและการรับสินบนเป็นเรื่องอัปยศอดสูของชีวิต
ถึงแม้ว่าไห่รุ่ยเคยรับราชการเป็นขุนนางมาเป็นเวลานานปีก็ตาม แต่เขายังคงใช้ชีวิตเยี่ยงปัญญาชนธรรมดาที่ค่อนข้างขัดสน หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว ผู้คนทั้งหลายพบว่า สิ่งที่เขาทิ้งไว้แก่โลกนั้นเป็นเพียงเงิน 8 ตำลึงและเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชุดเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยกว่าสามัญชนทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ วันฌาปนกิจศพไห่รุ่ยนั้น ชาวบ้านนับพันนับหมื่นไปร่วมพิธีอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย ร้านค้าโรงเตี๊ยมต่างๆ ตามตรอกซอกซอยพากันปิดกิจการ ตั้งขบวนส่งศพไห่รุ่ยเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร กระทั่งทุกวันนี้ ไห่รุ่ยยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นธรรม เรื่องราวของไห่รุ่ยยังคงได้รับการนำเสนอในรูปแบบการแสดงต่างๆ เช่น งิ้วที่เล่นกันทั่วประเทศ
ท่านผู้ฟังคะ ที่ท่านได้ฟังจบลงคือเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับไห่รุ่ย (Hai Rui, 1514-1587) ขุนนางซื่อสัตย์ที่มีชื่อเสียงสมัยราชวงศ์หมิงของจีน ดิฉันพิศศรี ห่อเพชรพลอย สวัสดีค่ะ
ต่อไปขอเชิญท่านฟัง "ข่าววัฒนธรรม" ดำเนินรายการโดยคุณโจวสวี้ค่ะ
|