|

วันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติจีนในแต่ละปี เป็นหยวนเซียวเจี๋ย เทศกาลสำคัญของชาวจีนที่สืบทอดมาแต่โบราณ ในภาษาจีน เดือนอ้ายเรียกว่า"หยวนเยวี่ย" กลางคืนสมัยโบราณเรียกว่า"เซียว" ดังนั้น ชาวจีนจึงตั้งชื่อเทศกาลในคืนวันเพ็ญเดือนอ้ายว่า"หยวนเซียวเจี๋ย" เนื่องจากคืนนี้ พระจันทร์เต็มดวงเป็นครั้งแรกของปีใหม่ เป็นสัญลักษ์ว่า ธรรมชาติหมุนเวียนครบวัฏจักรอีกรอบหนึ่ง ฤดูใบไม้ผลิแห่งพลังชีวิตคึกคักกลับคื่นสู่แผ่นดินแล้ว ชาวจีนโบราณจึงจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้เอิกเกริก เป็นบรรยากาศคึกคักที่สุดของตรุษจีน โดยจะแขวนโคมไฟสวยงามหลากหลายที่หน้าบ้าน ออกนอกบ้านไปชมพระจันทร์ จุดประทัดและทายปริศนาโคมไฟ สมาชิกครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าและกินขนมบัวลอยร่วมกัน เพลิดเพลินกับบรรยากาศอันเป็นสิริมงคลแห่งความสุขและความปรองดอง
ดิฉันขอแนะนำขนบประเพณีสำคัญที่ชาวจีนทั่วประเทศนิยมปฏิบัติกันในคืนเทศกาลหยวนเซียวเจี๋ยค่ะ
หนึ่ง.กินขนมบัวลอย ขนมบัวลอย ภาษาจีนเรียกว่า"หยวนเซียว" เป็นอาหารโดยเฉพาะของเทศกาลนี้ มีประวัติศาสตร์ช้านาน ในสมัยราชวงศ์ซ่งเมื่อประมาณพันปี ชาวบ้านก็เคยชินกับการกินหยวนเซียวในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้าย หยวนเซียวหรือขนมบัวลอยเป็นลูกรมเล็กๆ ทำด้วยแป้งข้าวเหนียว ไม่มีไส้ส่วนใหญ่เล็กกว่าลำไยและมักจะต้มกินกับข้าวหมาก ส่วนประเภทที่มีไส้นั้นก็มีหลายชนิดทีเดียว เช่นถั่วกวน น้ำตาลขาว ลูกซานจา(ผลไม้เปรี้ยวๆที่เจริญอาหาร) กวนบดพุทราและลูกนัทชนิดต่างๆกวน นอกจากนี้แล้ว ยังทำไส้หมูสับและผักสดเป็นไส้เค็ม แล้วแต่รสนิยมของผู้กิน วิธีการปรุงก็มีทั้งต้มให้นุ่มจนขาวทุกลูก การทอดให้กรอบจนเป็นสีทองและการนึ่งให้เหนียวจนออกสีเทาอมเขียว พูดถึงตอนนี้ ดิฉันก็รู้สึกน้ำลายสอแล้ว เนื่องจากหยวนเซียวยังมีชื่อเรียกว่า"ทางถวน"หรือ"ทางหยวน" พ้องเสียงกับ"??"ที่มีความหมายว่าอยู่พร้อมหน้ากัน เป็นสัญลักษณ์ที่หวังให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างปรองดองและมีความสุข ต่อมา ชาวจีนจึงถือการกินหยวนเซียวหรือขนมบัวลอยเป็นวิธีแสดงความคิดถึงญาติพี่น้องที่ไม่ได้อยู่ที่บ้านหรือเสียชีวิตไปแล้ว และฝากความปรารถนาที่ดีงามในชีวิตประจำวันในอนาคต
สอง.ชมโคมไฟ ระหว่างปีค.ศ. 58 75 จักรพรรดิฮั่นหมิงตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นนับถือศาสนาพุทธและทรงศรัทธายิ่ง เสนาบดีที่จักรพรรดิส่งไปศึกษาความรู้ทางศาสนาพุทธในอินเดียทูลจักรพรรดิว่า เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายเป็นวันพิเศษที่มีสิริมงคล เพราะพระสงฆ์อินเดียจะจัดพิธีสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ศาสนาพุทธในจีน จักรพรรดิฮั่นหมิงตี้จึงโปรดให้พระราชวังและวัดใหญ่น้อยทั่วประเทศแขวนโคมไฟในคืนวันที่ 15 ค่ำเดือนอ้ายเพื่อสักการบูชาพระพุทธองค์ ต่อมา การจุดและแขวนโคมไฟในคืนวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายจึงค่อยๆแพร่หลายจากวังไปสู่ประชาชน แล้วพัฒนาเป็นประเพณีประดับโคมไฟในคืนวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้าย สมัยราชวงค์ถังสังคมจีนเจริญมั่งคั่งที่สุด ฉางอัน เมืองหลวงของจีนสมัยนั้นเป็นมหานครใหญ่ที่สุดของโลก มีประชากรกว่า 1 ล้านคน ส่งเสริมให้เทศกาลหยวนเซียวเจี๋ยสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวจีนมากยิ่งขึ้นจนกลายเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของประชาชนทั่วประเทศ ในตัวเมืองมีกำหนดเขตบริเวณเพื่อประดับและแสดงโคมไฟโดยเฉพาะเป็นเวลา 3 วัน ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า คืนเทศกาลหยวนเซียวเจี๋ย เมืองฉางอันประดับโคมไฟหลากหลายสีสันและรูปแบบตั้ง 50,000 ใบ จักรพรรดิโปรดให้สร้างโคมไฟใหญ่สุดที่คล้ายตึกหลายชั้น สูงประมาณ 50 เมตร กินเนื้อที่เท่ากับ 20 ห้องธรรมดา ประดับด้วยเพชรพลอยและอัญมณีล้ำค่า เป็นสิ่งหรูหราที่สะท้อนถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของราชวงศ์ถัง
1 2
|