เมื่อเดือนมีนาคมปี1997 รัฐบาลจีนตกลงให้ฉงชิ่งเป็นนครที่ขึ้นต่อส่วนกลาง เพื่อแก้ปัญหาการโยกย้ายประชากรนับล้านคนและการอนุรักษ์ภาวะแวดล้อมอันสืบเนื่องจากการก่อสร้างชลประทานช่องแคบซันเสียแห่งแม่น้ำแยงซี ฉงชิ่งได้เป็นมหานครที่มีประชากรกว่า 30 ล้านคนและมีพื้นที่กว่า 8 หมื่นตารางกิโลเมตร รัฐบาลจีนลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนการพัฒนานครฉงชิ่ง

นาย หยางชิ่งยวู่ ประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปนครฉงชิ่ง

สรุปการพัฒนาทางเศรษฐกิจของนครฉงชิ่งในช่วง10 ปีที่ผ่านมาด้วยประโยคเดียวว่า 10 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่นครฉงชิ่งพัฒนาเร็วที่สุด และชาวฉงชิ่งได้รับประโยชน์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

ตัวเลขต่าง ๆ แสดงถึงผลสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของนครฉงชิ่งเป็นอย่างดี ในช่วง10ปีที่ผ่านมา มวลรวมการผลิตของนครฉงชิ่งเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ10.2 ต่อปี มวลรวมการผลิตต่อหัวของชาวฉงชิ่งในปี 2006 เกินกว่า 1500 เหรียญสหรัฐ เป็นสามเท่าของปี1996 รายได้ที่ใช้จ่ายต่อหัวของชาวฉงชิ่งเพิ่มขึ้นจาก 5000 หยวนมาเป็น 11000 หยวน รายได้สุทธิต่อหัวของชาวนาฉงชิ่งเพิ่มขึ้นสองเท่า

นาย โจวหยวน ผู้ที่เกิดและเติบโตขึ้นที่นครฉงชิ่งเป็นสักขีพยานที่มองเห็นว่าเศรษฐกิจของนครฉงชิ่งพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขากล่าวว่า เมื่อก่อน ชาวฉงชิ่งผู้มีเงินเดือนสองสามพันหยวนก็ถือว่าสูงพอสมควรแล้ว คนอื่นจะอิจฉา แต่ปัจจุบัน จะรู้สึกว่าไม่มากเท่าใดนัก หลังจากฉงชิ่งได้เป็นนครที่ขึ้นต่อส่วนกลางแล้ว มีโอกาสทางพาณิชย์และโอกาสการมีงานทำเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่นผมทำงานในบริษัทการค้าต่างประเทศ มีเงินเดือนเจ็ดแปดพันหยวน เป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้ เรื่องที่ผู้คนนิยมคุยกันในเวลาว่างไม่ใช่เรื่องอาหารการกินหรือเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มอีกแล้ว หากเป็นเรื่องบ้านพักหรือรถเก๋งมากกว่า

การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของนครฉงชิ่งมีผลงานประการหนึ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ สาธารณูปโภคของนครฉงชิ่งได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น

ปีหลัง ๆ นี้ ทางเทศบาลนครฉงชิ่งลงทุน 2-3 ร้อยล้านหยวนต่อปีในด้านสาธารณูปโภค มีคนบอกว่า นครฉงชิ่งเป็นนครสามมิติ นี่ไม่เพียงแต่เพราะว่านครฉงชิ่งตั้งอยู่อิงเขาน้อยใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ แนบกับสันเขา หากยังเป็น

เพราะว่า เครือข่ายการคมนาคมของนครฉงชิ่งมีสามมิติซึ่งรวมทางด่วน บีทีเอส สะพาน การขนส่งทางน้ำและการขนส่งทางอากาศเป็นต้น