China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2008-08-08 17:19:41    
นักกีฬาไทย ผู้ได้เหรียญทองโอลิมปิก--- วิจารณ์ พลฤทธิ์

cri

ร้อยตำรวจโทวิจารณ์ พลฤทธิ์ นักมวยเหรียญทองโอลิมปิกชาวไทยคนที่ 2 ต่อจาก สมรักษ์ คำสิงห์ โดยชนะการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2000 ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

วิจารณ์เกิดในเวลาเย็นของวันพฤหัสที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2519 ที่ ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โดยเป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวนลูกทั้งหมด 4 คนของนายจิ้มและนางทองม้วน พลฤทธิ์ โดยพ่อจิ้มมีอาชีพเป็นควาญช้างลากซุง แต่ชื่นชอบในกีฬามวย จึงให้ลูกชายของตนคนนี้ไปฝึกซ้อมมวยไทยกับลูกชายของตนอีกคน ซึ่งก็คือพี่ชายของวิจารณ์นั่นเอง ต่อมา ครูงาน ซึ่งเป็นครูมวยของพี่ชายวิจารณ์ได้ฝึกหัดมวยไทยให้แก่วิจารณ์อย่างจริงจังพร้อม ๆ กับลูกชายของตนเอง โดยวิจารณ์ขณะนั้นอายุได้ 10 ขวบ ใช้ชื่อในการชกมวยครั้งแรกว่า " แสนเชิง ลูกเมืองดัง "

ต่อมา วิจารณ์ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพ ฯ ใช้ชื่อว่า " คมเคียวเล็ก ศิษย์ครูงาน " โดยมี ร.ท.ไฉน ผ่องสุภา เป็นผู้ดึงมาให้อยู่ในค่าย พันธ์ยุทธภูมิ ของ ยุทธภูมิ แจ้งโพธิ์นาค พ่อของ ภาคภูมิ แจ้งโพธิ์นาค เนื่องจาก คมเคียวเล็ก ต้องเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดด่านสำโรง ซึ่งเห็นว่าอยู่ใกล้กับค่ายพันธุ์ยุทธภูมินั่นเอง โดยคมเคียวเล็ก เปลี่ยนมาใช้ชื่อเป็น สุโขทัย ตามจังหวัดเกิด เมื่อแสนเชิง ลูกบ้านดัง หรือ วิจารณ์ พลฤทธิ์ เห็นพี่ชายมาก็ย้ายมาเรียนที่สมุทรปราการซึ่งอยู่ใกล้กรุงเทพ ฯ ตัวเองก็อยากจะมาอยู่ด้วย เมื่อราวปี พ.ศ. 2530 วิจารณ์อายุได้ 11 ขวบ จึงย้ายมา และก็ได้อาศัยอยู่ที่ค่ายพันธ์ยุทธภูมิ โดยเรียนหนังสือไปด้วย ซ้อมมวยไปด้วย โดยเปลี่ยนชื่อมาเป็น สุโขทัยเล็ก ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น ศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นอำเภอเกิด จนกลายเป็นนักมวยไทยที่ชื่อว่า " ศรีสัชนาลัย แท็กซี่มิเตอร์ "

วิจารณ์ชกมวยจนกระทั่งปี พ.ศ. 2535 ชกที่เวทีราชดำเนินครั้งแรกได้ค่าตัว 2,000 บาท ต่อมาอีกไม่นาน เมื่อ พ.ต.อ.เสวก ปิ่นสินชัย ได้แต่งตั้งเป็นโปรโมเตอร์ของเวทีราชดำเนินใช้ชื่อ " ศึกอัศวินดำ " ได้รับการโอนสิทธิ์ขาดในความเป็นผู้จัดการ และหัวหน้าคณะแต่เพียงผู้เดียวจาก ร.ท. ไฉน ผ่องสุภา โดยถือเป็น " มวยแถม " หลังจากที่ได้มีการตกลงเจรจากันเรื่องสิทธิ์ของ " ขุนเข่าไร้น้ำใจ " หลังสวน พันธ์ยุทธภูมิ ซึ่ง พ.ต.อ.เสวก รับจัด ศรีสัชนาลัยมาโดยตลอดจนกระทั่งได้เป็นแชมป์มวยไทยรุ่น จูเนียร์แบนตั้มเวตหรือพิกัด 115 ปอนด์ ที่เวทีรังสิต แต่ภายหลังเมื่อ พ.ต.อ.เสวก ไม่ได้เป็นโปรโมตอร์ ของเวทีราชดำเนินแล้ว มีเพียงรายการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 ก็เกรงว่า ศรีสัชนาลัย จะหาเงินจากการชกมวยไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องจึงสนับสนุนให้ ศรีสัชนาลัย รับราชการตำรวจ จนปัจจุบันได้รับยศเป็น สิบตำรวจตรี (ส.ต.ต.) ซึ่งในช่วงเวลานี้เอง พ.ต.อ. เสวก ได้นำศรีสัชนาลัยมาชกมวยสากลสมัครเล่นให้กับทีมสโมสรตำรวจโดยสลับกับการชกมวยไทย ก่อนที่วิจารณ์จะติดทีมชาติ เพราะเหตุว่า ประมวนศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ นักชกทีมชาติคนก่อนขอแขวนนวม ซึ่ง วิจารณ์ ถือเป็นมวยนอกสายตา หรือมวยในระดับเกรดบีเท่านั้น เพราะเพิ่งชกมวยสากลได้ราว 2 ปี เท่านั้น คือ ครั้งแรกชิงแชมป์ประเทศไทยปี พ.ศ. 2542 ตกรอบแรก ก่อนที่จะได้แชมป์กีฬากองทัพไทย และเป็นแชมป์ซีเกมส์ปีเดียวกัน

เมื่อปี พ.ศ. 2543 แม้วิจารณ์จะเป็นนักมวยที่ชกได้ชาญฉลาด จนได้ฉายาว่า " อิ๊กคิวซัง " แต่วิจารณ์ก็มิได้เป็นนักมวยตัวเก็งเหรียญทองหรือเหรียญรางวัลใดเลย เหตุเพราะมีประสบการณ์ในการชกมวยสากลสมัครเล่นน้อยมาก โดยที่นักมวยตัวเก็งเหรียญทองในครั้งนั้นก็คือ สมรักษ์ คำสิงห์ นั่นเอง แต่ทว่าสมรักษ์ได้ตกรอบ 2 โดยแพ้ร็อกกี้ ฮัวเรซ นักมวยชาว อเมริกันไปแล้ว นักมวยคนอื่น ๆ ก็ทะยอยตกรอบ แต่ว่าการชกของวิจารณ์กลับทำได้ดีและดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทะลุขึ้นชิงรอบชิงชนะเลิศและสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ในที่สุด โดยเส้นของวิจารณ์เป็นเช่นนี้ คือ รอบแรก ชนะคะแนน วาร์ดัน ซาการ์ยัน (เยอรมัน) 18/2 ,รอบสอง ชนะคะแนน แอนครูว์ คูเนอร์ (แคนาดา) 11/7, รอบสาม ชนะคะแนน มานูเอล มันติญ่า (คิวบา) 19/8 แชมป์โลก 2 สมัยซ้อน ,

รอบรองชนะเลิศ ชนะคะแนน วลาดิเมียร์ ไซโดเรนโก้ (ยูเครน) 14/11 แชมป์ยุโรป รอบชิงชนะเลิศ ชนะคะแนน บูรัต ยูมาดิลอฟ (คาซัคสถาน) 19/12 เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกครั้งที่แล้วที่แอตแลนต้า ซึ่งก่อนการชกรอบชิงชนะเลิศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้ทรงพระราชทานกระเช้าผลไม้ให้วิจารณ์และทีมงาน โดยผ่านสถานทูตไทยที่ออสเตรเลียและทรงอวยพรให้วิจารณ์ได้รับชัยชนะในการชกด้วย

หลังได้เหรียญทองแล้ว วิจารณ์ก็ได้แขวนนวมทันที โดยนำเงินรางวัลที่ได้เปิดร้านขายผ้าไหมร่วมกับภรรยาคือ จุฬาพร พลฤทธิ์ (เก๋) มีผลงานการแสดงละครเรื่องหนึ่งทางช่อง 3 ในเวลาเย็น โดยแสดงร่วมกับภรรยาด้วย ปัจจุบัน วิจารณ์ยังรับราชการตำรวจอยู่ โดยมียศเป็น ร้อยตำรวจโท

(cri)