สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ"มองสังคมจีน"ค่ะ
เรื่อง หมู่บ้านหัวซี การพัฒนา ความงามและความสุข
ท่านผู้ฟังคะ สื่อมวลชนหลายๆแขนงต่างให้ฉายาหมู่บ้านหัวซี อาทิ อาซาฮีทีวี ระบุเอาไว้ว่า "หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นหมู่บ้านหมายเลขหนึ่งของโลก" บีบีซีของอังกฤษเคยกล่าวเอาไว้ว่า "อยากเป็นสมาชิกของหมู่บ้านหัวซี" Indian Newspaper ของอินเดียก็เคยระบุว่า "ความสำเร็จของหัวซีอยู่ที่การรวมตัวกันของสังคมและทุนนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์" Tiames ของ USA ก็เคยชี้ชัดว่า "หัวซีเป็นดิสนิย์แลนด์ของสังคมนิยม ชาวหมู่บ้านหัวซีรวยที่สุดในจีน"
ท่านผู้ฟังค่ะ หมู่บ้านหัวซีอยู่ที่ไหนทำไมจึงเป็นที่กล่าวขันกันถึงขนาดนี้ วันหนึ่ง ดิฉันก็ได้ไปเยือนหมู่บ้านหัวซีกับคณะสื่อมวลชนต่างชาติรวม 13 ประเทศด้วยกันโดยขึ้นเครื่องบินไปลงที่เมืองอูซีห่างจากสนามบินเพียง 15 กม. ก็ถึงหมู่บ้านหัวซีอำเภอเจียงอินมณฑลเจียงซู ภายใต้ผู้นำที่มีหัวก้าวหน้าคนสำคัญ อู่ เหริน เป่า บุคคลผู้ซึ่งในโอกาสครบรอบ 80 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2001 ได้รับการประกาศให้เป็น"ผู้นำของหมู่บ้านหมายเลข 1 ของโลก"
อู่ เหริน เป่า นอกจากจะเป็นผู้นำแล้วยังเป็นเสมือนนายท้ายเรือของหัวซีและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำหมู่บ้านหัวซี
อะไรที่ทำให้ผู้นำคนนี้ที่ปัจจุบันล่วงเลยมากกว่า 80 ปี เป็นที่รักของชาวหัวซี เป็นบุคคลที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนภาคภูมิใจและเป็นบุคคลที่คนทั่วโลกอยากรู้จักกัน
อู่ เหริน เป่าเป็นชาวหัวซีโดยกำเนิด แม้ว่า ชีวิตครอบครัวจะยากจน แต่เป็นบุคคลมุ่งมั่นที่จะพัฒนาครอบครัวและสังคมให้มีความมั่งคั่ง มั่นคงกระทั่งมีเรื่องเล่าว่า หลังแต่งงานกับเจ้า แกนดี้ คนในหมู่บ้านเดียวกันซึ่งก็ยากจนทั้งคู่แล้ว ทั้งสองต้องช่วยกันทำงาน โดยเจ้าแกนดี้ทำงานโรงงานทอผ้า จนเกษียณออกมาเมื่ออายุ 60 ปี ส่วนอู่ เหริน เป่าเอาชีวิตส่วนใหญ่ไปอยู่ในไร่นา กระทั่งมีเรื่องเล่าว่า ลูกชาย 4 คน และลูกสาว 1 คนต้องอยู่บ้านกินเพียงลำพัง เพราะพ่อแม่ต้องมีงานลุ้นมือ ลูกชายทั้ง 4 ซึ่งไล่เลียงจากอู่ เซียะตง อู่ เซียะเตอะ อู่ เซียะผิง อู่ เซียะเงิน เข้ใจว่า พ่อแม่ต้องทำงานหนัก เพราะเซียะตงและเซียะเตอะมักจะต้องออกไปทำงานกับพ่อด้วย ขณะที่เซียะผิงกับเซียะเงินมักจะอยู่บ้าน เพื่อช่วยดูแลน้องสาว อู่ เฟิ่งอิง มีเรื่องเล่าว่า เฟิ่งอิงไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อจึงไม่มีเวลาให้เหมือนครอบครัวคนอื่น จึงโกรธพ่อ และไม่ยอมเรียกพ่อ ตอนอายุ 15 พ่อขอให้ลูกสาวเรียกพ่อ หากเรียกพ่อ จะซื้อขนมให้ ปรากฎว่า เฟิ่งอิงเดินหนี ไม่ใยดีต่อคำร้องขอและข้อเสนอของพ่อ
แน่นอนน้ำตาแห่งความตื้นตันใจของผู้พ่อรอคอยวันนี้มากว่า 20 ปีวันที่ลูกเรียกพ่อ เฟิ่งอิงเองหลังเรียกพ่อแล้ว ก็มีความรู้สึกว่าตื้นตันใจ น้ำตาไหลหลั่งดั่งสายน้ำ วันนี้พ่อที่เฟิงอิงเคยไม่อยากเรียกพ่อมากว่า 20 ปี เป็นบุคคลที่ชาวหัวซีและหมู่บ้านเครือข่ายอีก 16 หมู่บ้านเทิดทูนบูชาว่า เป็นผู้พลิกฟื้นความยากจน เป็นบุคคลผู้เพิ่มเติมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับชาวหมู่บ้านหัวซีทุกคน เพราะหมู่บ้านหัวซีที่ยากจนได้ใช้เวลา 30 ปี แห่งการปฏิรูปและเปิดสู่ภายนอกพัฒนาตนเองจนกลายเป็นหมู่บ้านที่พัฒนาและร่ำรวยที่สุดในจีน ชาวบ้านมีทรัพย์สินเงินทอง และได้รับการศึกษาอย่างดีจนนำหน้าหมู่บ้านทุกหมู่บ้านในจีน บ้านแต่ละหลังมีโครงสร้างและการออกแบบที่ทันสมัย ใช้วัสดุดีเยี่ยม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีพื้นที่กว้าง 400-600 ตารางเมตร สิ่งเหล่านี้ได้มาเพราะว่ามีผู้นำที่มีหัวก้าวหน้าทุ่มเทเสียสละและแสวงหาความรู้ ดูงานศึกษาจากประสบการณ์ความสำเร็จจากที่ต่างๆ และนำมาปรับพัฒนาให้เข้ากับสภาพพื้นที่และวิถีชิวิตชาวหัวซี
ในฐานะเป็นประธานกรรมการของกลุ่มบริษัทหัวซีที่มีทรัพย์สินกว่า 1500 ล้านหยวน อู่ เหริน เป่าผู้นำหัวซีที่เรียบง่ายไม่มีห้องทำงานส่วนตัว ไม่มีโต๊ะทำงานและโทรศัพท์โดยเฉพาะ เขายังคงลงพื้นที่เป็นประจำเพื่อแก้ปัญหาแต่ละที่ตามความเคยชินที่เป็นมาหลายสิบปี เขาพูดเป็นประจำว่า ไม่ลงพื้นที่ไม่มีสิทธิ์สั่งงาน ไม่ลงพื้นที่ไม่รู้สภาพที่แท้จริง เขารับนโยบายจากรัฐบาลกลาง แล้วมาหารือกับคนรอบข้างปรับพัฒนาให้เข้ากับพื้นที่ วันนี้ด้วยวัยกว่า 80 ปี เขายังติดตามข้อมูลเอกสารทั้งในจีนและทั่วโลกอย่างใกล้ชิด
ความสำเร็จของหมู่บ้านหัวซีทำให้ผู้สื่อข่าวต่างชาติประทับใจอย่างยิ่ง คุณโกก้า ชาวบัลกาเรียกล่าวว่า "ประทับใจสุดๆที่หมู่บ้านนี้เจริญพัฒนาขนาดนี้ รู้สึกเคารพนับถือผู้นำหมู่บ้านหัวซี"
คุณไพลินเชคจากตุรกีกล่าวว่า "หมู่บ้านหัวซีแสนสวยงามและน่าอยู่"
คุณระวิมานจากศรีลังการู้สึกว่า "ประสบการณ์ของหมู่บ้านหัวซีควรเอาไปศึกษาเป็นแบบอย่าง"
คุณซีเล็งหนุ่มกัมพูชารู้สึกอาลัยอาวรไม่อยากลาจากหมู่บ้านหัวซี
"ชอบหมู่บ้านแห่งนี้มาก เจริญพัฒนา สิ่งแวดล้อมดี ถ้ามีโอกาสอยากมาอยู่ที่นี่"
รายการ"มองสังคม"ครั้งนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้
|