การประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ครั้งที่ 16 กำหนดจะจัดขึ้นที่กรุงลิมาเมืองหลวงของเปรูระหว่างวันที่ 22-23 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ หัวข้อหลักของการประชุมฯ ประจำปีนี้คือ "คำมั่นสัญญาใหม่เพื่อการพัฒนาของเอเชีย-แปซิฟิก" โดยจะหารือในประเด็นสำคัญต่างๆ ทั้งเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก การส่งเสริมกระบวนการเจรจารอบโดฮาขององค์การการค้าโลก และให้เศรษฐกิจส่วนภูมิภาคเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นต้น เนื่องจากขณะนี้วิกฤติการเงินกำลังลามไปทั่วโลก ซึ่งนับวันซัดกระหน่ำเศรษฐกิจของ 21 ประเทศสมาชิกองค์การ APEC มากขึ้นทุกวัน ฉะนั้น เรื่องการร่วมกันรับมือกับวิกฤติการเงินจะเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดในที่ประชุมครั้งนี้

สมาชิกองค์การ APEC 21 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา ล้วนได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินในครั้งนี้ สมาชิกประเทศพัฒนาอย่างญี่ปุ่น แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นต้น ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก ส่วนสมาชิกประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศที่เจริญขึ้นใหม่ อย่างประเทศไทย รัสเซีย เม็กซิโก เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย เป็นต้น ก็ได้รับผลกระทบอย่างน่าเป็นห่วงมากเช่นกัน

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในที่ประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ว่าด้วยตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมประชุมได้ร่วมหารือกันเกี่ยวกับแนวทางในการรับมือกับวิกฤติการเงินโลก และได้บรรลุซึ่งความรับรู้ร่วมกันบางประการเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบันการเงินโลกและระบบการกำกับดูแลสถาบันการเงิน คาดว่าการประชุม APEC ครั้งนี้ยังคงจะดำเนินการหารือเกี่ยวกับวิกฤติการเงินต่อ และประสานจุดยืนกัน เปรูซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมฯ กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การประชุมฯ ครั้งนี้จะออกแถลงการณ์ว่าด้วยวิกฤติการเงินโลก ซึ่งจะครอบคลุมเรื่องการเสริมสร้างการกำกับดูแลตลาดทุนของโลก โดยเฉพาะตลาดการเงิน และเรื่องการให้ประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิออกเสียงในระบบการเงินของโลกมากขึ้น เป็นต้น

ส่วนเรื่องการส่งเสริมการค้าเสรีส่วนภูมิภาคและการเจรจารอบโดฮาขององค์การการค้าโลกก็จะเป็นประเด็นสำคัญของการประชุม APEC ครั้งนี้ด้วย ขณะนี้วิกฤติการเงินส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกร้ายแรงยิ่งขึ้น การลงทุนและการค้าทั่วโลกล้วนมีแนวโน้มตกต่ำลงเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด ประเทศจำนวนไม่น้อยใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางกระบวนการให้เศรษฐกิจส่วนภูมิภาคเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทำให้การเจรจารอบโดฮาฯ ที่เดิมทีก็ยากลำบากอยู่แล้วจะยิ่งมัวซัวมากขึ้น ฉะนั้น เบื้องหน้าสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกปรากฏแนวโน้มถดถอย หลักการแห่งการยกเลิกลัทธิกีดกันทางการค้าและส่งเสริมระบบการค้าเสรีจะได้รับการตอกย้ำในที่ประชุม APEC ครั้งนี้

นอกจากนี้ ประชุม APEC ฯ ยังจะหารือในเรื่องความมั่นคงของอาหาร พลังงาน และการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาคมโลกสนใจร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกันมากขึ้น

ผู้คนทั้งหลายมีเหตุผลที่จะเชื่อว่า องค์การ APEC ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นเวลา 19 ปีจะแสดงชีวพลังที่เข้มแข็งและอิทธิพลที่นับวันขยายวงกว้างให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อสร้างคุณูปการใหม่ต่อความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาของโลก