พูดถึงองค์กรการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ท่านฉินบอกว่า "เมื่อปี 2007 รัฐบาลจีนกับรัฐบาลไทยได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการเปิดศูนย์วัฒนธรรมของ
กันและกัน เมื่อปรึกษากับฝ่ายไทยแล้ว ฝ่ายจีนตกลงจะสร้างศูนย์วัฒนธรรมจีนอยู่ที่แถวถนนรัชดาภิเษก ติดกับศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติของไทย" ท่านฉินอธิบายอีกว่า "ศูนย์วัฒนธรรมดังกล่าวต่างกับสถาบันขงจื๊อที่สถาบันการศึกษาของไทยเป็นฝ่ายเปิดและฝ่ายบริหาร และจีนจะให้การสนับสนุนด้านครูและตำราเรียน ส่วนศูนย์วัฒนธรรมเป็นฐานการศึกษาวัฒนธรรมจีนที่รัฐบาลจีนลงทุนสร้างขึ้นและจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปบริหารเอง นอกจากจะจัดการแสดงศิลปะวัฒนธรรมจีนแล้ว ยังจะจัดการประชุมสัมมนาหรือนิทรรศการ นอกจากเปิดสอนภาษาจีนแล้ว ยังมีการสอนหวู่ซู่ ดนตรี และการเขียนด้วยพู่กันจีน เป็นต้น ปัจจุบัน จีนได้สร้างศูนย์วัฒนธรรมจีนที่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และเยอรมนีเป็นต้น หวังว่า ศูนย์วัฒนธรรมจีนในประเทศไทยจะสร้างขึ้นโดยเร็ว"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันข้างหน้า การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
ระหว่างจีน-ไทยควรส่งเสริมงานในด้านไหนเป็นพิเศษ ท่านฉินเน้นว่า "ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา สองประเทศเราได้จัดการแสดงนาฏศิลป์หรือนิทรรศการศิลปะ
มากมาย เป็นที่ชื่นชมและต้อนรับของประชาชนทั้งสองประเทศ แต่การศึกษาวิจัยด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดียังต้องการทำให้มากขึ้น จีนกับไทยไปมาหาสู่กันเป็นเวลานับพันปีแล้ว แต่ยังมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์และทางวิชาการอีกมากมายต้องการค้นคว้าศึกษาและพิจารณาอีก จุดนี้เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ต้องให้ความสำคัญ ถ้าขาดแคลนการวิจัยทางประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะตกเป็นน้ำที่ไม่มีแหล่ง หรือต้นไม้ที่ไม่มีราก"
พูดถึงจุดนี้ ท่านผู้ฟังอาจอยากทราบว่า หน้าที่การงานในประเทศของ
ท่านฉินเป็นอย่างไร ท่านฉินบอกว่า "หลังกลับมาจากเมืองไทย ผมก็ทำงานในหน่วยเอเชียของกรมวิเทศสัมพันธ์ ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา งานยุ่งมาก ผมเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมของเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมระหว่างอาเซี่ยน จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่จัดขึ้นในมาเลเซียเมื่อต้นปี 2008 ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ศกนี้ ผมไปทำงานที่คณะกรรมการจัดงานกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์สารนิเทศระหว่างประเทศปักกิ่ง?Beijing International Media Center? รับผิดชอบงานด้านสื่อมวลชนต่างประเทศ จีนกับไทยเป็นประเทศเอเชียด้วยกัน มีแนวทางเดียวกัน โดยถือกีฬาเป็นสื่อในการพัฒนาความสัมพันธ์และเพิ่มพูนความเข้าใจแก่กัน การจัดโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปักกิ่ง เป็นเกียรติของชาวเอเชียทุกคน "
ก่อนจบการสัมภาษณ์ ท่านฉินบอกว่า "ผมจะเดินทางไปเมืองไทยอีกในเร็วๆ นี้ เพื่อติดต่อเรื่องศูนย์วัฒนธรรมจีน ผมหวังว่า ศูนย์นี้จะรับใช้ประชาชนไทยในอีกไม่ช้านี้"
ท่านผู้ฟัง ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ท่านฉินทำงานมากมายเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนไทย และได้รับการยกย่องชื่นชมจากทั้งจีนและไทย เมื่อปี1985 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของไทยได้มอบรางวัลเกียรติคุณแก่ท่านฉิน พุทธสมาคมจีน และกระทรวงวัฒนธรรมจีนยกย่องท่านฉินเป็นบุคคลดีเด่นในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกันต่าง
ประเทศ เราเชื่อมั่นว่า ด้วยความมุมานะอย่างท่านฉิน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีน-ไทยย่อมจะมีความหลากหลายและเฟื่องฟูยิ่งขึ้น
|