นายฉิน อวี้เซินในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตประจำประเทศไทยเกือบ 20 ปี เป็นสักขีพยานแห่งการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยที่เจริญก้าวหน้าทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจีนไทยที่เขาได้ทุ่มเทมากมายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากปีละ 3-4 รายการ เพิ่มเป็น 200 กว่ารายการ ทำให้ประชาชนสองประเทศมีความสนิทชิดเชื้อยิ่งขึ้น ฉิน อวี้เซินรู้สึกภูมิใจที่มีโอกาสทำงานประจำประเทศไทยหลายปี สามารถแสดงบทบาทและแสดงความสามารถที่ได้เรียนมา

"รู้สึกโชคดี ที่มีโอกาสรับใช้การพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ"

เมื่อมีเวลาว่าง เขามักจะชอบไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะต่างๆ สวนลุมพินี สวนจตุจักร เพื่อไปพักผ่อนหย่อนใจและคุยกับประชาชนคนไทย ยิ่งซาบซึ้งใจในคำที่ว่า "จีนไทยมิใช่อื่นไกลพี่น้องกัน"

พูดถึงการเปลี่ยนแปลงด้านชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ทางการทูตนายฉิน อวี้เซินเล่าว่า เมื่อเทียบกับ 20 กว่าปีก่อน รายได้จากเงินเดือนและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตได้รับการปรับปรุงดีขึ้นเรื่อยๆ

"เมื่อปี 1985 ผมไปทำงานประจำสถานทูตครั้งแรก ช่วงนั้น ภายในประเทศยังยากลำบาก แม้ว่า เรามีเงินเดือนสูงกว่าในประเทศ แต่เราทุกคน พยายามประหยัดมัธยัสถ์ แม้หิวน้ำก็ไม่ยอมซื้อกินสักขวด เพื่อเก็บเงินกลับไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ๆ เช่น เครื่องรับโทรทัศน์หรือตู้เย็นให้ทางบ้าน สมัยนั้น บ้านใครสามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ บ้านเพื่อนจะเคารพนับถือกัน"

แต่ปีหลังๆ มานี้ ระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ทางการทูตได้ปรับปรุงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"รัฐบาลได้ปรับปรุงเงินเดือนของเราให้สูงขึ้นหลายครั้ง เจ้าหน้าที่สถานทูตได้ย้ายไปอยู่บางกอกการ์เด้นซึ่งเป็นเขตชุมชนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ สิ่งอำนวยความสะดวกในเขตชุมชนทันสมัยสะดวกสบาย หลังๆ นี้ เรามักจะชอบไปซื้อของที่ห้างหรูหรา เช่น เซ็นทรัล สยามพารากอน และเวลากลับบ้าน มักจะปวดหัวไม่รู้จะซื้ออะไรให้ทางบ้านและญาติดี เพราะว่า ตลาดจีนมีทุกอย่าง และทางบ้านก็ไม่ขาดอะไร"

ฉิน อวี้เซินสามารถใช้ภาษาไทยสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งฟัง พูด อ่านเขียน เขามีอัธยาศัยดี สุขุมนุ่มลึก มีอารมณ์ขันพอประมาณ ผู้ที่เคยสนทนากับเขา มักจะฉงนว่า กำลังพูดกับคนไทยหรือคนจีนกันแน่ ฉิน อวี้เซินมักยิ้มให้แล้วบอกว่า "กินข้าวหอมมะลิและต้มยำกุ้งเกือบ 20 ปี ผูกพันกับเมืองไทยแบบตัดขาดไม่ได้แล้ว "