ความร่วมมือด้านการเกษตรเป็นความร่วมมือที่สําคัญหนึ่งในสิบด้านของเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เมื่อปี 2002 จีนกับอาเซียนลงนามใน"บันทึกช่วยจําเพื่อความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างจีนกับอาเซียน" จีนกับอาเซียนได้ดําเนินการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการเกษตรอย่างรอบด้าน เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสีเป็นมณฑลเกษตรที่สําคัญของจีน มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มีความได้เปรียบด้านภูมิประเทศ มีอนาคตการพัฒนาด้านนี้อย่างกว้างขวาง

เมื่อเดือนกันยายนปี 2006 กรมเกษตรของกวางสีได้ฝึกอบรมเกี่ยวกับการปลูกและแปรรูปอ้อยให้กับเจ้าหน้าที่จากเวียดนาม ลาว พม่า ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย หลายปีมานี้ กวางสีกับประเทศอาเซียนร่วมกันจัดนิทรรศการด้านการเกษตรหลายครั้ง ไม่เพียงแต่ได้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกวางสีกับอาเซียนเท่านั้น หากยังส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจด้านการจัดนิทรรศการระหว่างสองฝ่ายด้วย เมื่อปี 2006 ยอดการค้าผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรระหว่างกวางสีกับประเทศอาเซียนมีจํานวน 383 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 29.6% ของยอดการค้าระหว่างกวางสีกับอาเซียน อาเซียนจึงกลายเป็นคู่ค้าด้านการเกษตรอันดับที่สองของกวางสี เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2006 ที่งานมหกรรมจีน-อาเซียนครั้งที่ 3 กวางสีกับไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ได้ลงนามในโครงการความร่วมมือด้านการเกษตรที่มีมูลค่า 266.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กวางสีกับอาเซียนต่างส่งเสริมซึ่งกันและกันในด้านเทคโนโลยีด้านการเกษตร ทรัพยากรที่ดิน กิจการป่าไม้ และตลาดผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร มีช่องทางดําเนินความร่วมมืออย่างกว้างขวาง

ปีหลังๆ มานี้ พื้นที่ต่างๆ ของกวางสีได้ใช้ความได้เปรียบของตน ได้ปรับโครงสร้างการเกษตรอย่างเห็นผลได้ชัด มีพื้นฐานการผลิตธัญญาหารอย่างมั่นคง จึงค่อยๆ กลายเป็นกิจการที่มีเอกลักษณ์พิเศษของตน อย่างเช่นนํ้าตาลทราย นอกจากใช้ความพยายามยกระดับคุณภาพของนํ้าตาลทรายจากอ้อยแล้ว หากยังใช้ความพยายามในด้านการแปรรูปอีก ขณะเดียวกัน ส่งเสริมให้วิสาหกิจนํ้าตาลร่วมมือกับโรงงาน หน่วยงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกันผลิตนํ้าตาลประเภทต่างๆ เช่น oligosaccharide และนํ้าตาลที่มีคุณค่าทางโภชนาการหลากหลาย เป็นต้น ให้นํ้าตาลมีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ยังใช้เศษอ้อยให้เป็นประโยชน และวิจัยการใช้ใบอ้อยด้วย

ปริมาณการผลิตข้าวนาดําและข้าวโพดในประเทศอาเซียนค่อนข้างตํ่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านเกษตรที่ทันสมัยของกวางสีจึงเป็นที่นิยมในหมู่อาเซียน ฉะนั้น กวางสีกับอาเซียนสามารถร่วมมือกันวิจัยและพัฒนาพืชพันธุ์ใหม่รวมทั้งวิจัยเทคนิคใหม่ที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือในด้านพืชเศรษฐกิจต่างๆ เช่นอ้อย มันสําปะหลัง ผลไม้ และใบชามีอนาคตสดใส ปัจจุบันจึงเป็นโอกาสที่ดีสําหรับกวางสีในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรกับอาเซียน

ขณะเดียวกัน ด่านผิงเสียงกลายเป็น"เส้นทางทองคํา"ของการค้าผลไม้ระหว่างจีนกับอาเซียน เวลานี้ ด่านผิงเสียงกลายเป็นที่รวบรวม มีผลไม้สดๆ ประเภทต่างๆ ที่มาจากต่างมณฑล เมืองและเขตปกครองตนเองทั่วประเทศจีน เช่น แอปเปิ้ล สาลี่ ส้ม และแคนตาลูป เป็นต้น ผลไม้เหล่านี้ล้วนจะผ่านด่านผิงเสียงสู่ตลาดอาเซียน ในด่านผิงเสียงเราจะเห็นรถบรรทุกสินค้าจากเขตปกครองตนเองทิเบตและเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูรซินเกียงซึ่งห่างไกลจากกวางสี เมื่อเดือนธันวาคมปี 2006 โครงการสวนโลจิสติกส์ผิงเสียงของเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนเริ่มก่อสร้างในขั้นตอนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุทําให้การค้าชายแดนด่านผิงเสียงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2007 โครงการสวนโลจิสติกส์ผิงเสียงขั้นตอนที่สองและที่สามเริ่มก่อสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งใช้งบประมาณ 1,140 ล้านหยวน หลังจากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ สวนโลจิสติกส์ผิงเสียงจะกลายเป็นสวนโลจิสติกส์ด่านชายแดนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานสมบูรณ์ที่สุดของจีน