"การประชุมครั้งนี้ต้องเร่งผลักดันกลไกต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามกฎบัตรของอาเซียนได้อย่างเร็วที่สุด โดยเฉพาะในการประชุมในสัปดาห์นี้ต้องการให้ได้ข้อยุติระดับรัฐมนตรีในเรื่องของกลไกสิทธิมนุษยชน และกลไกที่เกี่ยวข้องกับการระงับข้อพิพาทนะครับ ประการที่สองก็คือ ความคาดหวังของการประชุมครั้งนี้ ก็คือการสามารถตอบสนองต่อปัญหาที่กระทบกับประชาชนในภูมิภาคนี้ระดับโลกได้ เพราะฉะนั้นก็จะมีเรื่องตั้งแต่เรื่องของการติดตามอย่างต่อเนื่องมาตรการที่รับมือกับปัญหาเศรษฐกิจ เช่นการขยายตามข้อริเริ่มเชียงใหม่ เพื่อให้นำไปสู่กันปฏิบัติได้ภายในสิ้นปีนี้ เช่นเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะต้องปูทางไปสู่การที่ทั้งภูมิภาค โดยจะมีความสามารถในการเ้ข้าถึงวัคซินในราคาที่ต่ำนะครับ รวมทั้งปัญหาที่ปัญหาความมั่นคงในภูมิภาคและนอกภูมิภาคนี้ด้วย และเข้ามาถึงเป้าหมายที่สามว่า การเดินหน้าสานความสัมพันธ์กับประเทศผู้เจรจา ซึ่งในสัปดาห์นี้ก็จะมีตัวแทนจาก 27 ประเทศหรือองค์การที่เข้ามาร่วมในการประชุม นอกจากนั้น สิ่งที่ผมได้เน้นย้ำก็คือว่า ในที่สุดเมื่อเราสร้างประชาคมขึ้นมาตามกฎบัตรอาเซียนแล้ว สิ่งที่ผมต้องการจะเห็นก็คือ 1.เป็นประชาคมที่สามารถตัดสินใจ แล้วก็ทำงานตอบสนองต่อปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ประการที่สองก็คือเป็นประชาคมซึ่งมีความเชื่อมโยงกันในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งคมนาคม การเดินทาง การค้า การลงทุน แล้วก็มีการอำนวยความสะดวกในเรื่องของกฎระเบียบต่างๆ ให้ต่างไปมาหาสู่กัน การติตต่อกันต่างๆ ทำได้อย่างสะดวก และประการที่สามก็คือ เป็นประชาคมที่ต้องตอบสนองต่อประชาชน แล้วก็เสริมความพร้อมให้กับประชาชนในภูมิภาค ในเรื่องของการศึกษาและเรื่องอื่นๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมได้เน้นย้ำไป แล้วก็ได้รับรายงานอย่างน้อยว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีความคืบหน้าในหลายๆเรื่อง เช่น เรื่องกลไกสิทธิมนุษยชนและเรื่องอื่นๆ ซึ่งก็เป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับการประชุมในระยะเวลาที่เหลือในสัปดาห์นี้"

ลู่ หย่งเจียง ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอรายงานจากภูเกตครับ