China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2009-09-17 17:32:04    
ศาสตราจารย์ประพิณ มโนมัยวิบูลย์ อาจารย์สอนภาษาจีนคนแรกในมหาวิทยาลัยของไทย (ตอนที่ 2)

cri

อยากจะสร้างครูสอนภาษาจีนของไทยเอง

คนไทยนิยมเรียนภาษาจีนมากๆ ตั้งแต่ช่วงศตวรรษ 1990 ค่อนข้างนานแล้ว มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนภาษาจีนแทบจะหาไม่ได้ พอจุฬาเปิดก็มีที่เปิดอีกแห่งหนึ่งคือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ปะตานี ตอนนั้นทบวงให้ไปช่วยร่างหลักสูตรซึ่งเป็นหลักสูตรแรกที่ช่วยร่าง หลังจากนั้นก็ช่วยร่างของที่ไหนๆ เต็มไปหมดของเมืองไทย ที่ปะตานีเปิดเป็นวิชาเอก ไม่มีคนสอนก็ต้องบินไปช่วยสอน หลังจากนั้นก็มีธรรมศาสตร์เปิดเป็นวิชาเลือก เปิดอยู่ 3 - 4 แห่ง ของเชียงใหม่ของที่อื่นก็ค่อยๆ เปิดทยอยกันมา คนที่จบส่วนใหญ่ก็ไปเป็นครูเยอะ ก็จะรู้จักกัน แต่ว่าภาษาจีนมาเฟื่องจริงๆ ก็ช่วงทศวรรษ 1990 เฟื่องมาก ตอนหลังศูนย์ภาษาเต็มไปหมด ทุกแห่งก็เปิด ตอนนี้มหาวิทยาลัยที่เปิดภาษาจีนในเมืองไทยมีทั้งหมด 79 แห่ง รวมเอกชนด้วย ทั้งรัฐทั้งเอกชน และโรงเรียนประถมมัธยมก็เปิดทุกระดับ โรงเรียนประถมมัธยมของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เปิดภาษาจีนมี 1000 กว่าโรง ตอนนี้ก็ร่างหลักสูตรกันอยู่ เป็นประธานไปช่วยเขาทำงานนี้ ร่างหลักสูตรตั้งแต่ประถม 1 ไปจนถึงมัธยม 6 และมัธยม 1 ถึง มัธยม 6 และอีกหลักสูตรหนึ่ง คือ ร่างตั้งแต่ประถม 1 ถึง มัธยม 6 เลย และก็มีมัธยม 4 ถึง 6 อีีกหลักสูตรหนึ่ง จะเรียนแบบภาษาต่างประเทศจริงๆ ทางฮั่นปั้นก็ช่วยทำตำราให้ แต่เราอยากทำตำราของเราเองมากกว่า เพราะเหมาะกับคนไทยมากกว่า กระทรวงศึกษาธิการกำลังขอความช่วยเหลือจากฮั่นปั้นว่า พวกเราจะรวมกันทำ และขอให้ฮั่นปั้นส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยพวกเราทำเป็นของเมืองไทยโดยเฉพาะ หรือไม่ก็อาจจะขอชุดของฮั่นปั้นที่ดีๆ มาปรับเปลี่ยนบ้างเพราะบางจุดไม่เหมาะ เพราะส่วนใหญ่ตำราของฮั่นปั้นหรือของเมืองจีน ของเป่ยอวี่ เป่ยต้าทั้งหมด สำหรับสอนฝรั่ง จุดเน้นไม่เหมือนกัน เช่น ไปเน้น "บี" "พี" คนไทยเรามี "ป" "พ" อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา เราก็อยากจะได้อะไรที่เป็นของไทย ของอุดมศึกษาก็เหมือนกัน เราก็กำลังทำกรรมการชุดหนึ่ง สำหรับอุดมศึกษา ขณะนี้หลายคน โดยเฉพาะวิทยากรจีนที่ไปเมืองไทยบอกว่า เมืองจีนไม่มีอะไรเป็นเอกภาพเลย ต่างคนต่างสอน ตำราก็ต่างคนต่างทำ อยากจะได้อะไรที่เป็นมาตราฐานที่เป็นแกนกลาง และพัฒนาครูก็พัฒนาไม่ทัน ส่วนใหญ่ตามโรงเรียนทั่วไปเขาก็จะขอครูที่รู้ภาษาจีนที่เรียนมาตั้งแต่เด็กบ้าง อะไรบ้างมาช่วยสอน ซึ่งครูพวกนั้นเรียนมาก็จริง แต่อธิบายไวยากรณ์ก็จะอธิฺบายไม่ถูก เราก็จะอบรมให้ ปิดเทอมก็อบรมทันที อบรมไวยากรณ์บ้าง อบรมเรื่องออกเสียง ฝึกออกเสียงใหม่หมดเลย เพราะแต่ก่อนสอนแต่จีนใต้ ออกเสียงผิด เราก็ต้องฝึกออกเสียงใหม่ ซึ่งฝึกยากมาก ตอนหลังเราขอรัฐบาลจีนว่าเราอยากสร้างครูไทยของเราเอง เพราะขณะนี้ รัฐบาลจีนส่งครูไปสอนก็จริง แต่ไม่ใช่ิส่งไปถาวร หรืออาสาสมัครไปหนึ่งปีก็กลับ เราก็อยากได้คนไทยที่สอนของเราเองได้ เพราะว่าขั้นพื้นฐานยังไงเจ้าของภาษาจะสื่อกันง่ายกว่า เราก็ขอทุนรัฐบาลจีน อย่างเช่นขณะนี้รัฐบาลจีนให้ทุน 300 ทุน เพื่อส่งมาเรียนเมืองจีนปีละ 100 คน เราก็รับสมัครปริญญาตรีทั้งหมดที่จบเอกภาษาจีนทั้งจากมหาวิทยาลัย จากราชภัฏด้วยมาสมัครแล้วเราก็เลือก สอบสัมภาษณ์คัดเลือก ส่งมาเมืองจีน 100 คน เรียนปีหนึ่งเพื่อกลับไปเป็นครูของโรงเรียนต่างๆ รุ่นแรกกำลังจะกลับกรกฎานี้ รุ่นที่สองก็กำลังจะมา และก่อนมาเราก็ให้คนที่จะรับทุนอบรมวิธีการจะเป็นครูในเมืองไทย จะได้ใบประกอบวิชาชีพ อบรมวิชาชีพครูก่อน พอคัดเลือกเสร็จ พฤษภาก็จะอบรมไปถึงสิงหา วิชาครูต่างๆ ที่ต้องรู้ กลับไปจะได้เป็นครูที่ถูกต้องตามกฎหมายของไทย แล้วก็จะส่งมาที่จีน เราก็ขอให้ฮั่นปั้นส่่งไปตามมหาวิทยาลัยดีๆ เช่นเป่ยซือต้า หัวซือต้าเป็นต้น เขาก็พยายามทำตามที่เราขอร้อง ก็ได้ไปหัวซือต้า เป่ยซือต้าพวกนี้ คิดว่าถ้า 300 คนกลับไปก็จะช่วยได้เยอะ ประถมมัธยมก็จะได้เยอะขึ้น สำหรับอุดมเราก็ขอฮั่นปั้นเหมือนกัน อย่างปีนี้ฮั่นปั้นก็ให้ืุทุนมา 200 ทุนให้อาจารย์มาเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก ถ้าคนจบโทแล้วก็มาเรียนเอก จบตรีแล้วมาเรียนโท เพื่อกลับไปเป็นครูของอุดมศึกษา และเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยต่อไปที่จะต้องพยายามช่วยผลิตครูให้กับเมืองไทยเอง เพราะฉะนั้นงานตอนนี้เยอะมาก ต้องพยายามสร้างฐานของตัวเองให้แข็ง ภาษาจีนในเมืองไทยพัฒนาเร็วเกินไป เลยมีความไม่พร้อมหลายๆ ด้าน ตำรากับครูสำคัญมาก

1 2 3