(เสียง 1 คำพูดของเหมา เจ๋อตงในพิธีเฉลิมฉลองการสถาปนาประเทศ...)

ช่วงเริ่มแรกสถาปนาประเทศจีนใหม่เมื่อปี 1949 ทุกสิ่งทุกอย่างที่เสื่อมลงล้วนรอการฟื้นตัว อำนาจรัฐจีนชุดใหม่ ซึ่งเหมา เจ๋อตงเป็นผู้นำ เคยประสงค์จะพัฒนาอุตสาหกรรมประชาชาติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ด้วยเงินทุนและเทคโนโลยีทันสมัยของต่างชาติ แต่เนื่องจากสมัยนั้นประเทศตะวันตกดำเนินการคว่ำบาตและแซงค์ชั่นต่อจีน จีนจึงต้องหันไปพึ่งพาโซเวียตเพียงประเทศเดียว และยากที่จะเปิดประเทศและร่วมมือกับประเทศอื่นได้

(เสียง 2 เสียงเติ้ง เสี่ยวผิงในที่ประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11...)

ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคมปี 1978 มีการเปิดประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 จากนั้น จีนได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศ

ปี 1980 จีนดำเนินโครงการนำร่องจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เซินเจิ้น เซี่ยเหมิน จูไห่ และซัวเถา ใช้นโยบายนำเข้าเงินทุน เทคโนโลยี และความจัดเจนด้านการบริหารจากตะวันตก จากนั้นมา จีนเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มในพื้นที่ต่างๆ และเพิ่มสาขาการประกอบการให้ต่างชาติมาลงทุนอีกมาก จนกระทั่งถึงขณะนี้ได้เปิดประเทศทั่วทุกด้าน หลายระดับ และหลากสาขา

ผลก็คือ จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ดึงดูดทุนต่างชาติมากที่สุดต่อเนื่องกันเป็นเวลา 17 ปี ยอดการนำเข้าและส่งออกของจีนในปี 2008 มีมากถึง 2.56 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตกว่า 2,000 เท่า เมื่อเทียบกับปี 1950

(เสียง 3 เสียงประกาศให้จีนเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก...)

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนปี 2001 จีนเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก ส่งผลให้การปฏิรูปและเปิดประเทศเข้าสู่ช่วงระยะใหม่ จนถึงเวลานี้ จีนมีคู่ค้ามากถึงกว่า 220 ประเทศและเขตแคว้น

ศ.จิน ช่านหรง รองผู้อำนวยการ สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเหรินหมินจีนมีความเห็นว่า ย้อนมองอดีต จีนได้มาซึ่งแรงขับเคลื่อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจากการเปิดประเทศและความร่วมมือ ขับเคลื่อนให้มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางสังคม

(เสียง 4 เสียง ศ.จิน ช่านหรง...)

"จีนมีอารยธรรมอันเก่าแก่ อีกทั้งเป็นประเทศที่เจริญขึ้นมาใหม่ ในกระบวนการพัฒนาของประเทศใหม่ เราควรเรียนรู้ด้วยการเปิดประเทศและความร่วมมือ ไม่มีการเปิดประเทศและความร่วมมือ ก็จะไม่สามารถสร้างจีนให้ทันสมัยขึ้นมาได้ กล่าวสำหรับจีนแล้ว การเปิดประเทศกับความร่วมมือเป็นหนทางสู่ความทันสมัย"