ปี 1986 มีโอกาสไปต่างประเทศ ดิฉันจึงลาออกจากบริษัทขนส่งทางทะเลไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น เวลานั้น ดิฉันมีเงินเพียง 800 เย็น ซึ่งต้องถึงกับขายตู้เย็นในบ้าน ดิฉันตัดสินใจว่าต้องไปเปิดหูเปิดตาที่ต่างประเทศ ส่วนจะได้ปริญญาบัตรหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

การศึกษาต่อในญี่ปุ่น ทำให้หลินลี่ได้สัมผัสถึงการพัฒนาอย่างรวดเร็วของสังคมญี่ปุ่น

หลังจากหลินลี่สำเร็จการศึกษาในญี่ปุ่นแล้วเธอเดินทางกลับประเทศในปี 1990 เธอปฏิเสธที่จะทำงานในวิสาหกิจของรัฐบาล และไปทำงานในวิสาหกิจทุนต่างชาติเป็นเวลา 2 ปี แล้วลาออกมาตั้งวิสาหกิจของตนเอง เธอจึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมการลงทุนของจีนด้วยตาของตัวเอง เธอกล่าวว่า

สิ่งแวดล้อมด้านการลงทุนของจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะหน่วยงานบริหารอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมเปลี่ยนหน้าที่จากการบริหารมาเป็นการให้บริการ

บุคคลที่ทำให้หลินลี่เป็นคนจำนวนหนึ่งมีฐานะดีขึ้นก่อนใครก็คือเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้วางแผนการปฏิรูปและเปิดประเทศซึ่งได้กล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับการปฏิรูปและเปิดประเทศขณะไปดูงานในเมืองอู่ ฮั่น เมืองเซินเจิ้น เมืองจูไห่ และนครเซี่ยงไฮ้ทางภาคใต้ของจีนเมื่อปี 1992 ว่า

" ตราบใดที่จีนไม่ใช้ระบอบสังคมนิยม ไม่ดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศ ไม่พัฒนาเศรษฐกิจ ไม่ปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็จะประสบความล้มเหลว ดังนั้น ต้องทุ่มเทกำลังในการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น "

ปีที่ 2 หลังจากที่เติ้ง เสี่ยวผิงไปดูงานในภาคใต้จีน หมู่บ้านกวนตี้ บ้านเกิดของหลี่ หมิงฉายกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เกษตรกรไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ภูเขาและแม่น้ำในหมู่บ้านของตัวเองก็สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้ขนาดนี้

จีนประกาศกฎหมายสหกรณ์ในปี 2006 ส่งเสริมเกษตรกรจัดตั้งสหกรณ์ สั้น ซูจือ ลูกสาวหลี่ หมิงฉายได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าสหกรณ์การท่องเที่ยวของหมู่บ้าน เธอนำชาวบ้านพัฒนาการท่องเที่ยว โดยกำหนดราคาที่พัก การตกแต่งห้องพักและคุณภาพของอาหารให้เป็นระเบียบและได้มาตรฐาน เธอกล่าวว่า

การพัฒนาการท่องเที่ยวพื้นเมืองต้องมีการจัดตั้งสหกรณ์ หมู่บ้านกวนตี้มี 47 ครอบครัวที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว สหกรณ์หมู่บ้านมีการประชุมอภิปรายเกี่ยวกับระเบียบบริหาร โดยชาวบ้านลงคะแนนเสียงและบริหารกันเอง

ปัจจุบัน สหกรณ์การท่องเที่ยวของหมู่บ้านกวนตี้ แต่ละปีรับนักท่องเที่ยวกว่า 5,000 คน ทำรายได้กว่า 100,000 หยวน ภายใต้การนำของสั้น ซูจือ ชาวบ้านที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว 80 % มีรายได้เฉลี่ยต่อคนมากกว่า 10,000 หยวน ทำให้หมู่บ้านกวนตี้ซึ่งเคยเป็นชนบทที่ยากจนในอดีตมีอนาคตที่สดใสขึ้น

หลี่ หมิงฉายเห็นลูกสาวทำงานเก่งแบบนี้ จึงมีความสุขมาก อีกทั้งในช่วง 2 ปีมานี้ รัฐบาลจีนทุ่มเทกำลังพัฒนาการรักษาพยาบาลและประกันชราภาพของเกษตรกร ทำให้เขาดีใจมาก เขากล่าวว่า