China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2009-05-27 14:47:37    
ก้าวสู่โลก---60 ปี การต่างประเทศของจีน

cri

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง รายการตอบคำถามชิงรางวัลท่องเที่ยวประเทศจีนเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนครบรอบ 60 ปีของวันนี้ จะทบทวน 60 ปี การต่างประเทศของจีน สำหรับคำถาม 2 ข้อของวันนี้คือ 1. จีนได้รับสิทธิ์เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติอีกครั้งหนึ่งเมื่อปีค.ศ.อะไร 2. มีกี่ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน

"พวกเราชาวสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ไม่เคยกลัวที่จะกล่าวว่า เรา้เชื่อว่าลัทธิคอมมิวนิสต์และระบอบสังคมนิยมดีที่สุด แต่ในที่ประชุมนี้คงไม่มีความจำเป็นที่จะเผยแพร่ความคิดส่วนตัวและระบอบการเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง คณะผู้แทนจีนมาร่วมประชุมเพื่อแสวงหาจุดร่วม หากไม่ใช่จุดต่าง..."

นี่เป็นคำปราศรัยของนายโจวเอินไหล อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการประชุมบันดง การประชุมบังดงที่จัดขึ้นในเดือนเมษายนปี 1955 นับเป็นการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกที่มีคณะผู้แทนจีนเข้าร่วม ในการประชุมครั้งนี้ จีนได้นำเสนอหลักการ 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อันได้แก่ การเคารพอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของกันและกัน ไม่รุกรานกันและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน มีความเสมอภาคและอำนวยประโยชน์แก่กัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทุกวันนี้ หลักการ 5 ประการดังกล่าวเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกจนกลายเป็นบรรทัดฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะผันแปรไปอย่างไร จีนก็ยังยึดมั่นในหลักการ 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มาโดยตลอด นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่นับวันมีประเทศต่างๆ เป็นมิตรกับจีนกันมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ในช่วงสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่งสถาปนาขึ้น เนื่องจากถูกประเทศตะวันตกขัดขวาง มีเพียง 10 กว่าประเทศเท่านั้นที่สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ทุกวันนี้ เพิ่มขึ้นถึง 171 ประเทศแล้ว

โซเวียตเป็นประเทศแรกที่ประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ปี 1949 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ภายหลังประเทศจีนใหม่สถาปนาขึ้น หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อเดือนธันวาคมปี 1991 รัสเซียได้รักษาความสัมพัีนธ์ทางการทูตกับจีนต่อจากโซเวียต เมื่อปี 1992 จีนกับรัสเซียผูกความสัมพันธ์เป็นมิตรประเทศ และพัฒนากลายเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนที่สร้างสรรค์เมื่อปี 1994 ปี 1996 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสนตร์ กระทั่งปี 2001 สองประเทศได้ลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือฉันประเทศเพื่อนบ้าน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียพัฒนาคืบหน้าไปอย่างต่อเนื่อง มั่นคงและนับวันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ นายหูจิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนกับนายดมิทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีรัสเซียพบปะกันที่กรุงลอนดอน สองฝ่ายมีความเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ การรับมือกับวิกฤตการเงินโลก การกระชับความร่วมมือในกิจการระหว่างประเทศและกิจการอื่นๆ

นายทิคห์วินสกี ชาวรัสเซียวัย 90 ปี เป็นอดีตกงสุลใหญ่โซเวียตประจำกรุงปักกิ่ง เห็นกระบวนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศด้วยสายตาของตนเอง เดือนตุลาคมปี 2008 ขณะที่นายเวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเยือนมอสโกนั้นได้ไปเยี่ยม นายทิคห์วินสกี

ทิคห์วินสกี -- กิจกรรม "ปีภาษารัสเซีย" ที่กำลังจะจัดขึ้นในประเทศจีน และกิจกรรม"ปีภาษาจีน"ที่กำลังจะจัดขึ้นในรัสเซีย จะเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนในด้านวัฒนธรรมมากขึ้น และกระชับความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการศึกษาระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้น

ยิ่งขึ้น จะดึงดูดหนุ่มสาวและเยาวชนของสองประเทศเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันมากขึ้น"

เวินเจียเป่า -- เมื่อ 60 ปีก่อน ท่านเคยเข้าร่วมพิธีสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะกงสุลใหญ่โซเวียตประจำปักกิ่ง มิตรภาพระหว่างประชาชนจีนกับประชาชนรัสเซียยั่งยืนสถาพร และจะพัฒนาไปไม่หยุดยั้ง หากสุขภาพท่านแข็งแรง ผมขอเชิญชวนท่านไปเยือนปักกิ่งอีกครั้งในช่วงจัดกิจกรรมปีภาษาของกันและกัน

ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศตะวันตกเริ่มเข้าสู่ช่วง "ละลายน้ำแข็ง" จีนกับสหรัฐอเมริกาได้สถาปนา

ความสัมพันธ์ทางการทูต

ปลายทศวรรษ 1960 ถึงปลายทศวรรษ 1970 สหรัฐอเมริกากับประเทศตะวันตกอื่นๆ พากับปรับปรุงนโยบายต่อจีนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศตน "ทูตปิงปอง" ที่ขึ้นชื่อทั่วโลกได้เปิดประตูการไปมาหาสู่กันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ปิดมานานกว่า 20 ปี ปี 1971 ดร.คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการประทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเดินทางมาประเทศจีนอย่างลับๆ ได้ปูทางให้กับการเยือนจีนเป็นครั้งแรกของนายริชาร์ด นิกสัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาตลอดจนการประกาศแถลงการณ์ร่วมจีน – สหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีการพัฒนาคืบหน้าอันใหญ่หลวง และสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมปี 1979

ระยะแรกๆ หลังจากจีนกับสหรัฐอเมริกาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต การค้าระหว่างสองประเทศมีไม่ถึง 2,500 ล้านดอลล่าสหรัฐ ทุกวันนี้มีมากเกินกว่า 300,000 ล้านดอลล่าสหรัฐแล้ว เดือนเมษายนปี 2009 นายหูจิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนกับนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาำพบปะกันที่กรุงลอนดอน สองฝ่ายมีความเห็นตรงกันเกี่ยวกับการร่วมกันใช้ความพยายามเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างแข็งขันในศตวรรษที่ 21

ประวัติแห่งความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียและสหรัฐอเมริกา สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและการไม่เปลี่ยนแปลงของการต่างประเทศจีน การไม่ผูกเป็นพันธมิตรกับประเทศใหญ่ ปฏิบัติต่อทุกประเทศในโลกอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าระบอบทางสังคมและจิตสำนึกจะต่างกันหรือเหมือนกัน ยืนหยัดสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทุกประเทศในโลกบนหลักการ 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ปรับปรุงและพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศรอบข้างและประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย... การเปิดประเทศกว้างขึ้นและศักยภาพของประเทศที่นับวันเข้มแข็งเกรียงไกรมากขึ้น ทำให้จีนก้าวสู่โลกเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับสิทธิการออกเสียงบนเวทีระหว่างประเทศมากขึ้นด้วย

หอประชุมสีทองในอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติเป็นสถานที่จัดประชุมของสหประชาชาติ การจัดลำดับที่นั่งปรับปีละครั้ง แต่ละที่นั่งเป็นตัวแทนอธิปไตยของประเทศและศักดิ์ศรีแห่งชาติของประเทศสมาชิก เดือนตุลาคมปี 1971 การประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 26 ผ่านมติฉบับที่ 2758 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ฟื้นฟูสิทธิประโยชน์อันชอบธรรมของสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหประชาชาติ

นายหลิงชิง อดีตหัวหน้าผู้แทนจีนประจำสหประชาชาติซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมงานฟื้นฟูที่นั่งของจีนในสหประชาชาติ เขากล่าวว่า

"การที่สาธารณรัฐประชาชนจีนกลับเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์การภาครัฐบาลระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง นับเป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวงของกิจการต่างประเทศจีน กล่าวสำหรับโลก ก็เป็นชัยชนะอันใหญ่หลวงเช่นกัน เพราะการต่างประเทศของจีนมีวัตถุประสงค์เพื่อพิทักษ์สันติภาพโลก ส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน และสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นนโยบายพื้นฐานของจีน เมื่อกำลังทางการเมืองเช่นนี้เข้าสู่สหประชาชาติ ย่อมสามารถขยายบทบาทของตน"

การกลับเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติอีกครั้งได้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของความร่วมมือระหว่างจีนกับสหประชาชาติ จีนเริ่มดำเนินกิจการต่างประเทศแบบพหุภาคี ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีก่อนปี 1978 ผู้นำจีนเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศเพียง 6 ครั้งเท่านั้น ปัจจุบัน จีนเป็นสมาชิกขององค์การภาครัฐบาลระหว่างประเทศกว่า 100 องค์การ เป็นประเทศภาคีของสนธิสัญญาระหว่างประเทศกว่า 300 ฉบับ ได้จัดส่งกำลังทหารร่วม 10000 คนเข้าร่วมปฏิบัติการผดุงสันติภาพของสหประชาชาติ 22 ครั้ง

โลกในปัจุบัน สันติภาพและการพัฒนาเป็นแนวทางหลัก แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ประชาคมโลกนับวันตระหนักว่า การแก้ปัญหาสำคัญของโลกนั้น ขาดจีนไม่ได้ ไม้ว่าปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ปัญหานิวเคลียร์อิหร่านและปัญหาของภูมิภาคอื่นๆ หรือการประชุมอภิปรายระหว่างสหประชาชาติและกลุ่มจี 8 กับประเทศกำลังพัฒนา การประชุมเอเชีย–ยุโรป การประชุมผู้นำเอเชีย–แอฟริกา การประชุมเอเปค การประชุมผู้นำอาเซี่ยนและประเทศคู่เจรจาเป็นต้น จีนล้วนได้ขยายบทบาทเชิงสร้างสรรค์และนับวันกลายเป็นกำลังสำคัญในการพิทักษ์สันติภาพโลก และส่งเสริมการพััฒนาร่วมกัน

เมื่อเข้าสู่ศตวรรษใหม่ จีนริเริ่มความคิด"โลกสมานฉันท์" แก่นของความคิดนี้คือ ยืนหยัดลัทธิพหุภาคี สร้างความมั่นคงร่วมกัน ยืนหยัดความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กัน สร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ยืนหยัดการเปิดกว้าง ร่วมกันสร้างโลกสมานฉันท์ นายหยางเจี๋ยฉือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนคนปัจจุบันกล่าวว่า

"กิจการต่างประเทศของยุคปัจจุบัน ไม่ใช่การเล่นเกมเพื่อเอาชนะ หากควรได้รับชัยชนะร่วมกันและอำนวยประโยชน์แก่กัน การต่างประเทศจีนสืบทอดแนวคิดสำคัญของประชาชาติจีนที่ส่งเสริมความปรองดอง ความร่วมมือ การอำนวยประโยชน์แก่กันเพื่อชัยชนะร่วมกัน"

ท่านผู้ฟังครับ ที่ท่านได้ฟังคือบทความเรื่อง ก้าวสู่โลก -- 60 ปี การต่างประเทศของจีน ในกิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัลท่องเที่ยวจีน เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนครบรอบ 60 ปี สำหรับวันนี้ มีคำถาม 2 ข้อ คือ 1.จีนได้รับสิทธิ์เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติอีกครั้งหนึ่งเมื่อปีค.ศ.อะไร 2.มีกี่ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน